นิราศระยอง

                สองเข่าคุก ลูกกรก้ม ประณมกราบ   ได้โปรดทราบ รับดวงจิต อธิษฐาน

คำเรียงถ้อย ร้อยกรอง ทำนองกานท์                                ขอสร้างงาน การกวี ที่เมืองแกลง

                น้อมสำนึก รำลึกกลอน สุนทรภู่                       ปรมาครู ผู้โน้มนำ คำแถลง

ศิลปศาสตร์ ภาษาไทย ได้สำแดง                                      ผวนผันแผลง แฝงเปรื่องปราชญ์ นิราศระยอง

                สิบสองสิบสาม พฤษภา ปีห้าหนึ่ง                   ระลึกถึง ซึ่งคราใด หายหม่นหมอง

แต้มชีวิต ลิขิตจำ คำร้อยกรอง                                            เมืองระยอง เป็นความหลัง ครั้งมาเยือน

                สลัดทุกข์ ปลุกอารมณ์ ข่มเศร้าโศก  มาสู่โลก แห่งความจริง สิ่งใดเหมือน

ฝังประทับ กับชีวิต สะกิดเตือน                                        ในหมู่เพื่อน น้องพี่ ที่จริงใจ

¯¯¯

 

                เชพโรเล็ต ระเห็ดเหิน เมินกรุงเทพฯ              เพื่อสมเสพย์ เมืองระยอง ผุดผ่องใส

ทุกหนมี วิถีสถล ดั้นด้นไป                                                ส่งดวงใจ ไปล่วงหน้า จะขับตาม

                พ้นดอนเมือง มุ่งหน้า มาหลักสี่                        ไม่เห็นมี หลักปัก อยากจักถาม

มีแต่ศร กามเทพรัก ปักประจำ                                           ของนงราม ช้ำฤดี สี่ห้องใจ

                ไม่เลี้ยวลด ปลดศรรัก ที่ปักอก                           ยิ่งวิโยค หัวอกสั่น คิดหวั่นไหว

เย้ายั่วหน่อย น้อยนิด น้องผิดใจ                                       จะเทียบใด อีกเล่า เท่ารักนาง

                ถึงบางเขน ขับเบนซ้าย แล้วไปขวา  ชลอช้า ถ้าเกิดชน คงหม่นหมาง

ผ่านเวียนวง ตรงต่อไป ในเส้นทาง                                 ไร้นวลนาง น้องริมกรีน รามอินทรา

                ก่อนผ่านพ้น แลสนทิว ปลิวไสว                      แกว่งสั่นไกว ลู่สายลม ชมพฤกษา

ใต้ร่มเงา ยามเร่าร้อน ผ่อนกายา                                        เย็นอุรา คราเหนื่อยหนัก พักอารมณ์

                ผ่านคาร์ฟูร์ สู่ฟูดแลนด์ แล่นลอดด่วน            เริ่มปั่นป่วน รัญจวนจิต คิดสับสน

ร่วมเดินทาง ในครั้งนี้ มีสองคน                                       เลี้ยวถนน หน้าสินแพทย์ ยามแดดรอน

                กดโทรศัพท์ จับมือถือ เป็นสื่อสาร                   เสียงตอบขาน การนัดหมาย คลายถ่ายถอน

เอกถือถุง หนีบรุงรัง ตั้งใจจร                                            เตงตะรอน นอนให้อิ่ม ริมทะเล

                เร่งฉลุย ต่งคุยกัน สรรค์มาพูด                           ขับไม่หยุด พูดก่อกวน ชวนสรวลเส

ขึ้นทางด่วน ลอยฟ้า เสียงฮาเฮ                                          ชมทะเล ให้สมหวัง ที่ตั้งใจ

 

¯¯¯

 

                มองม่านควัน พลันพุ่ง มุ่งท้องฟ้า                     สีแสดกล้า จ้าแดงฉาน โรงงานไหม้

บางปะกง คงจะโกรธ พิโรธใด                                        จึงจุดไฟ ทำลายเผา เป็นเตาเพลิง

                ไม่ร้อนใด เหมือนใจพี่ ที่ร้อนรุ่ม                      พี่กลัดกลุ้ม รุมเร้า แต่เจ้าเหริง

ไม่รู้ร้อน รู้หนาว เฝ้าระเริง                                                รู้ไหมเพลิง กำลังเผา ที่เตาใจ

                เพลิงความรัก มักเผาใจ จนไหม้มอด                ลนตาบอด ทอดภวังค์ หยุดคลั่งไคล้

เลือนคมบาด ตัดสายเยื่อ ไม่เหลือใย                                สิ้นสลาย กลายเป็นเถ้า เฝ้ากองฟอน

¯¯¯

 

                ไม่เหลียวหลัง ทางด่วนพ้น วนบายพาสต์      ออกทางลัด รอบเมืองชล ยลสิงขร

ฝ่าหุบเหิน เนินพนา น่าสัญจร                                          มองอมร วอนสายฝน อย่าหล่นพรำ

                ยังไกลลิบ สี่สิบไมล์ ไปให้ถึง                           แม่รำพึง ถึงระยอง คงต้องค่ำ

พี่รำพึง คะนึงน้อง คล้องจดจำ                                          เคยยินคำ พร่ำเพ้อ ละเมอครวญ

                คิดคราครั้ง นั่งกลางใจ หาดทรายขาว              กายร้อนผ่าว จิตรำพึง คะนึงหวน

เสียงใจแปลบ แนบอกอุ่น หนุนตักนวล                         โลกไม่ทวน ไม่หวนกลับ ต้องลับลา

                ซีแซนด์ซัน หันทางซ้าย ใกล้ริมหาด               รถเลี้ยวปราด จอดสนิท ชิดเคหา

พลเอกวิสูตร ตุลยสุวรรณ ท่านหันมา                              ยืนสง่า ส่งตาจ้อง มองละไม

                เคยร่วมวง พงษ์ไพบูลย์ บุญราศรี                     ปราจีนบุรี ตีสนิท แนบชิดใกล้

เคยร่วมทัพ รับข้าศึก ระทึกใจ                                           ข้าศึกไหน ไคร่ผยอง หยุดหนองกุง

                มิย่อยั่น ผ่านทุกข์ตรม กลมแบนกั๊ก  “เป้า” น่ารัก ปักใจจริง เคยสิงสุง

เคยคลุกคลี ตีโมง โยงพยุง                                 สิ่งมาดมุ่ง สู่สัมฤทธิ์ ดังจิตจง

                ยิ้มราบรื่น ยืนเปิดกล้าม งามสง่า                       ดูท่วงท่า น่าสำเร็จ เสร็จจากสรง

อยากรู้ว่า ใครกล้าอุ้ม โยนทุ่มลง                                       บ่อน้ำคง โพงกระพือ กระเพื่อมพรม

                พลเอกสมภพ เอมะรุจิ ท่าหนี้นั่น                     พรสวรรค์ ส่งเฉพาะ สร้างเหมาะสม

เป็นพี่รอง ของพวกเรา เฝ้าชื่นชม                                    เป็นเงาร่ม โพธิ์ไทร ให้นกกา

                มีใครหลอก บอกพี่ภพ ก็จบเรื่อง                      ใครขุ่นเคือง เรื่องอันใด ไปปรึกษา

เพราะท่านใช้ คุณธรรม นำศรัทธา                                  ดังพรหมา อภิบาล ประทานพร

                พบพี่ณรงค์ ศรียะราช มาดเข้าท่า                      นอนโซฟาร์ ตารอดแว่น แขนต่างหมอน

ทอดอารมณ์ ชมทีวี มิอาวรณ์                                              ท่านชอบกลอน สุนทรศิลป์ จินตกวี

                เรื่องเต้นรำ พร่ำร้อง ต้องใจนัก                        ด้วยใจรัก ร่วมเดินทาง มาครั้งนี้

ทุกคนเคารพ พบเมื่อใด ยิ้มไมตรี                                      เพิ่มสันสี เต็มอิ่ม แก่ริมกรีน

                จ้อยเบญจคาม รามอินทรา หน้ายิ้มรื่น             แลสดชื่น รื่นอารมณ์ สมถวิล

ผู้นำพา หัวหน้าเด็ก หยุดเช็คบิลล์                                    ยกริมกรีน สื้นโขยง ลงทะเล

                ส่งเฮเลน เป็นนักฑูต พูดกับหลาน                  ซีแซนด์ซัน บริการให้ อย่าได้เขว

 มุมสงัด จัดอาหาร ไว้บานเต                                             ใกล้ทะเล มองหาดทราย คลายอุรา

 

                เห็นน้องน้อง เหนื่อยนัก ให้พักผ่อน              ทัศนาจร ด้วยรถบัส เตรียมจัดหา

ขึ้นกระเช้า ชมทิวทัศน์ พัทยา                                           เหน็จเหนื่อยมา ทิ้งละลาย ในน้ำเค็ม

                พลเองจำแลง อุชุโกมล ทุกคนเคารพ              จัดเจนจบ ยุทธจักร ใจเกษม

ผู้มั่นบุก ปลูกฝัง ตั้งใจเต็ม                                  จะปรีด์เปรม เมื่อใดมี พี่จำแลง

                ยื่นยาดอง มองสายตา กรุณาซึ้ง                         รำลึกถึง เหล้ารัมมี่ ที่รสแกร่ง

คราวเขมร อพยพ พบพี่แลง                                               นั้นแหละแสง แห่งความรัก ประจักษ์ใจ

                ประคองแก้ว กระแด่วดื่ม ลืมสุขน้อย               ฟังน้ำถ้อย เสียงเมตตา ส่งมาให้

มาร่วมเที่ยว ทีมเดียวกัน ชื่นบานใจ                 ดังอยู่ใต้ ร่มไทรโพธิ์ โอ้เป็นบุญ

                เห็นเฮียพงษ์ เดินลงมา หน้าแฉล้ม                  เบิกรอยแย้ม แถมขวักไขว่ ให้เกื้อหนุน

ยกกับข้าว เหล้ายาดอง กองเป็นพูน                 นำฝ่ายบุ๋น มาอีกคน ท้นศรัทธา

                เขาคนดัง ยังจำได้ ใช่ใครอื่น                            ยิ้มแฉ่งชื่น บันไดลง ตรงมาหา

ควักบุหรี่ ซองสีเขียว มาเยียวยา                                         คือเฮียหมา เจอผู้นี้ สุดดีใจ

                หนุ่มมือถือ คือเดชา ตีหน้าขรึม                         ไม่เคยลืม ความหลัง ครั้งเก่าให้

เกมสนุก สุขสนาน ซ่านฤทัย                                             ด้วยแรงใจ น้องเดชา ศรัทธามี

                เห็นสาวหน่อง มองชม้าย ก่อนจ่ายแจก          สับจนแหลก แจกเป็นคู่ แลบดูสี

แดงจิกดำ ข้าวหลามตัด จัดให้ดี                                        ถ้าเก้ามี ตามด้วยเอดส์ เสร็จเจ้ามือ

                ดอกสีเขียว สามเด้ง นักเลงชอบ                       ขึ้นสามขอบ สามเท่า เจ้าอย่าหือ

เจ้าจะบอด ส่ายหน้า ลูกค้าฮือ                                            พอเจ้ามือ เด้งป๊อกเก้า กระเป๋าพัง

                โอ้คืนนี้ ย่างตีสอง ยังต้องลุ้น                            มองดูทุน ลุ้นสีซีด ด้วยจิตหวัง

คราวดวงดี แต้มหนึ่งเดียว ยังเคี้ยวตังค์                            คราวดวงพัง เด้งแปดแต้ม ยังแถมเงิน

                เห็นผู้เสีย ระเหี่ยใจ ไม่สนุก                              เห็นผู้ฟลุ๊ก ร่ำรวย ก็ขวยเขิน

พอดวงดี เล่นได้ ใจก็เพลิน                                                พอหมดเงิน ใจก็โกรธ ไปโทษดวง

                ค่ำคืนนี้ ซีแซนด์ซัน ไม่ฝันร้าย                         หลับสบาย ใจสบึม จนลืมห่วง

อีกหนึ่งวัน ที่ผ่านพ้น จากคนลวง                                    เตรียมตักตวง ความสุขสันต์ วันรุ่งราง

                ทะเลงาม น้ำต้องลม ผสมคลื่น                          หายใจชื่น ตื่นขึ้นมา ฟ้าแสดสาง

พยับโพยม ลมกระสันต์ ม่านเมฆบาง                              ทั่วทิศทาง ทุกท้องถิ่น ทะเลไทย

                แม่รำพึง คิดถึงนวล ครั้งชวนเจ้า                      พะนอเคล้า เจ้าชื่นฉ่ำ จำได้ไหม

บิดกระบวน ชวนฉะอ้อน ระอ่อนไอ                              ลำยองใย ไอละออง คล้องกมล

                แต่บัดนี้ ไม่มีเจ้า เฝ้าคิดถึง                  แม่รำพึง คำนึงหา ทุกแห่งหน

เจ้าแล้งใจ ไม่เคยมา ให้ข้ายล                                             นองฉ่ำชล นัยนา ข้าเฝ้าคอย

 ¯¯¯

 

                จากโรงแรม เขาขึ้นรถ ไปหมดแล้ว  นั่งใจแป้ว แจวข้าวต้ม จมคอหอย

โทรถามไถ่ ไปไหนเล่า เจ้าไม่คอย                                   หรือใจน้อย ปล่อยข้าเปลี่ยว หลงเดียวดาย

                ชวนเอกน้อง คลอคล้องแขน เกาะแน่นเหนียว             เราโดดเดี่ยว ใครจะรอ เพราะตื่นสาย

เลาะรำพึง ถึงบ้านเพ ลงเกร่กราย                                                     หายหนักใจ เจอพงษ์ – เป้า เขาเดินเพ

                เลี้ยวรถจอด ดอดข้างทาง หวังเดินเล่น            เหลือบมองเห็น สิ่งเสาะหา คือคาเฟ่

กาแฟดำ คำขม สมคะเน                                                     ขับรถเกร่ เหหาใคร ก็ไม่มี

                จึงขับพุ่ง มุ่งหน้า หาสวนสน                            แปลกพิกล โคนเคยเตียน เปลี่ยนราศรี

ผุดร้านค้า คาชายหาด จัดไม่ดี                                            วงเก้าอี้ ที่รายเรียง เตียงผ้าใบ

                หาดสวนสน คนร่วมเดิน ครั้งเพลินพิศ          แนบสนิท ชิดใจเดียว เกี่ยวก้อยใกล้

ชื่นชวนพรอด ดูยอดสน วนแกว่งไกว                            เชยชื่นใจ ไม่เกรงฝน สนใบบัง

                ดูสนโคน โอนเอน เบนลำต้น                           สงสารสน โดนแรงลม ล้มบนฝั่ง

เหมือนตะวัน ครั้นสิ้นแสง แรงพลัง                               เหลือความหลัง ฝังฝากไว้ หาดทรายทอง

                ยินเฮียพงษ์ ส่งเสียง สำเนียงสาร                     สุขชื่นบาน ขึ้นทันใด หายหม่นหมอง

ไปร่วมทีม ชาวริมกรีน ถิ่นระยอง                                     จะร้อยกรอง ปองนิราศ หาดแม่พิมพ์

                นั่งเบาะหลัง พวงมาลัย ใจจดจ่อ                       ขับชะลอ ขอทอดใจ ให้เอิบอิ่ม

พระพายพัด ฟัดคลื่นฟาด หาดแม่พิมพ์                           เคยเปรมปริ่ม อิ่มไอรัก ก่อนจากนาง

                คราครั้งเก่า มีเจ้าอยู่ คู่ราศรี                                แต่วันนี้ มีเจ้าเอก เขนกข้าง

ประคองเหล้า เฝ้ากอด ตลอดทาง                                     แล่นเลาะฝั่ง ฟังคลื่นเซ้า เอาใจทราย

                รีสอร์ทสร้าง หลังแม่พิมพ์ เหลือริมหาด         เขียนนิราศ ขึ้นอย่างไร สุดใจหาย

อันความรัก แต่หนหลัง ดังนิยาย                                      แสนเสียดาย ใจรันทด รักหมดทรวง

                เคยคลอเคล้า เจ้านวลแนบ แอบอกอุ่น            นิ่มละมุน หนุนเขนย เชยสิ่งหวง

ชื่นไอรัก ฝากไอรส ให้หมดทรวง                                    แล้วใยลวง ร้างลา สิ้นอาลัย

                ลืมความหลัง ที่ค้างคา มาถึงถิ่น                        เจอริมกรีน จึงจอดจด จิตสดใส

เหล้าโซดา อาหารเคียง เตียงผ้าใบ                                   เดินกรีดกราย จึงได้พบ ครบทุกคน

                เห็นเกาะแก้ว พิสดาร ของท่านภู่                     ขนลุกซู่ ทานกุศล

ก่อนกลับบ้าน พบท่านก่อน หายร้อนรน                        ไปเยี่ยมยล สินสมุทร สุดสาคร

¯¯¯

 

                ริมกรีนเล่น เฮเลนช่วย ด้วยสนุก                      ทุกคนสุข สนุกนัก ได้พักผ่อน

เช่าเรือกล้วย ช่วยลากจูง มุ่งสาคร                                     แล่นร่ายร่อน ตอนคลื่นโหย ลมพัดแรง

                ฉุดไปไกล สุดกู่ ใกล้หมู่เกาะ                             นั่งพอเหมาะ เกาะเพียงห้า คนกล้าแข็ง

ทึ้งเททุ่ม กลุ่มฉลาม ด้วยความแรง                                    สีแสดแดง ชูชีพ รีบพันตัว

                กระเสือกกระสน วนว่าย อยู่ในน้ำ                  ปลาฉลาม เจอคลื่นเหียน ยังเวียนหัว

ลุงจำแลง แกร่งนัก ไม่ยักกลัว                                           ให้นำตัว ฉันไปด้วย ช่วยว่ายวน

                โอ้พระแม่ คงคา ช่วยข้าหน่อย                          บนฝั่งคอย ชะเง้อแล แผ่กุศล

โปรดข้าด้วย ช่วยรอดตาย กลางสายชล                           ไปเยี่ยมยล ท่านภู่ ครูสุนทร

                พี่แลงรอด ปลอดภัย ไม่กระเส่า                        เพราะฤทธิ์เหล้า ยาดอง ถองไว้ก่อน

เสร็จอาบน้ำ ชำระกาย ไร้อาวรณ์                                     จำจากจร หาดแม่พิมพ์ อิ่มปรีดา

                ถึงท่านภู่ อนุสาวรีย์ ที่ใจหวัง                            รวมพลัง ตั้งดวงจิต ศิษย์มาหา

โปรดรับทราบ กราบพนม ก้มศรัทธา                               ผู้ปราชญ์ปัญญา เชิงกลอน สอนกวี

                สิบหกชั่วโมง ปลงมิหย่อน กลอนนิราศ         ผิดพลั้งพลาด ไม่ตั้งใจ ให้หมองศรี

โปรดทำใจ อภัยกลอน อ่อนกวี                                         ของพลตรี วิเชียร ชูปรีชา

¯¯¯