นิราศเพชรบูรณ์

            เรียงนิราศ  จัดอักษร  เป็นกลอนแก้ว        ตั้งใจแน่ว  จะไปร่วม  รวมเพื่อนฝูง

หยิบผ้าอัด  ยัดกระเป๋า  เข้าไปตุง                          วางเข็มมุ่ง  หมายระเห็จ  เพชรบูรณ์

จุดที่หมาย  ปลายทาง  วางแผนไว้                         รถบัสใหญ่  ใน ทบ.  รอล้อหมุน

เตรียมทหาร  รุ่นสอง  ต้องขอบคุณ                       สนับสนุน  จากทหาร  บริการดี

คุณจ่าขับ  ประทับใจ  พาไปส่ง                              จะขึ้นลง  คอยระวัง  จะพลั้งผลี

นายพลแก่  และแม่บ้าน  เบิกบานดี                       สิ้นวันนี้  เพชรบูรณ์  เป็นศูนย์นอน

เพราะพี่เหมน  เป็นห่วงใย  ด้วยใจรัก                   ขอบคุณมาก  จากบารมี  อดิศร

ให้เพื่อนเรา  สะดวกดาย  ได้สัญจร                      เป็นกลุ่มก้อน  ย้อนอดีต  มิตรดั้งเดิม

            จุดมุ่งหมาย  ในคราวนี้  มีมูลฐาน              ร่วมเปิดงาน  ศาลธรรมนูญ  สร้างบุญเสริม

อันศาลเก่า  ผุพัง  สร้างใหม่เติม                            ดำริเริ่ม  ชมรมประธาน  หาญเพไท

มุ่งหมายสอง  ท่องถิ่น  ศิลป์ศึกษา                                    ทัศนา  ป่าเขิน  เนินไศล

สองสามแห่ง  แหล่งพุทธ  วิสุทธิ์ไกล                  จะได้ใกล้  ไคล้สัมผัส  วัดอาราม

ไปเพลิดเพลิน  เดินหอบ  ชมชอปปิ้ง                   เสาะสุงสิง  ลิงโลด  ประโยชน์สาม

มุ่งหมายสี่  หนีเมียไป  ให้โทรตาม                        สองชั่วยาม  ทำเป็นลืม  นั่งดื่มเบียร์

            พอเห็นหน้า  มหามิตร  คิดหวั่นไหว        เดินทางไกล  ในคราวนี้  มิได้เสีย

เจอะยอดชาย  นายชาญ  ใจครั่นเพลีย                   ยืนถองเบียร์  เสี่ยใหญ่  ไปด้วยกัน

เจริญจัด  คู่นอน  ตอนไปถึง                                   โดยคำนึง  ถึงวิสัย  ให้กับฉัน

จึงได้คู่  อยู่ยง  คงกระพัน                                       ปะทะกัน  มันหยด  นั่งรถจร

            ออกบางเขน  เบนหลักสี่  มีทางเห                        ไต่โทลเวย์  ลงรังสิต  ติดสลอน

พหลโยธิน  ถิ่นเคยขับ  จับทางจร                          จดกรายกลอน  บันทึกไว้  ปลายปากกา

รำลึกครู  ผู้วางกฎ  กำหนดนิ่ง                               แลรถวิ่ง  แย่งชิงเลน  เบนซ้ายขวา

หยุดสมาธิ  คุมสติยั้ง  ตั้งสัจจา                               วอนครูบา  เชิญมาดล  กลกวี

            บางปะอิน  ถิ่นเก่า  ที่เราเกิด                       เจริญเลิศ  บรรเจิดนัก  เป็นศักดิ์ศรี

ก่อนห่างกรุง  ทุ่งหญ้า  ไร่นามี                               ถึงบัดนี้  มีโรงงาน  และบ้านเมือง

ท่านจำนงค์  ลงมือ  ถือไมค์ร่ำ                                เสียงงุ่มง่ำ  พร่ำพรู  ไม่รู้เรื่อง

พูดอะไร  ไม่ได้ยิน  กระบิลเมือง                           คงเป็นเรื่อง  ขั้นตอน  เมื่อจรไกล

ไม่ต้องไมค์  ใช้ปากเปล่า  แค่เป่าพ่น                    คืออนนท์  คนเสียงดัง  ก็ฟังได้

ตอนบรรเลง  เพลงสวาท  ยิ่งบาดใจ                     ฟังครั้งใด  ไหวหวั่น  กระสันทรวง

เขานัดแนะ  แวะปั๊ม  ทำกิจวัตร                             เพื่อสลัด  จัดร่างกาย  ให้หายห่วง

สองชั่วโมง  คงนานไป  ให้ร้อนทรวง                  ส่วนคนง่วง  คอพับ  หลับลูกตา

            ผ่านวังน้อยคล้อยหนองแคแวะบ้านสวน ยกกระบวน  ชวนกันแล  ชะแง้หา

เป็นการยั้ง  ครั้งที่หนึ่ง  ถึงเวลา                             ปลดกายา  หาสุข  เปลื้องทุกข์คลาย

ชิงโอกาส  อัดพลัง  ตอนนั่งรถ                              หันเข้าซด  กาแฟดี  เขามีขาย

คอเบียร์ดิ่ว  หิ้วกระป๋อง  ไม่ต้องอาย                    ซุกแช่ไว้  ในตู้เย็น  เป็นเสบียง

สระบุรี  ปรี่ซ้าย  ออกบายพาส                               เข้าทางลัด  เสาไห้  ไปทางเฉียง

เก็บความจำ  จดไว้  ให้พอเพียง                            แว่วสำเนียง  เสียงเสนาะ  ที่เจาะไมค์

นักร้องชาย  เซเว่นตี้  มีเสน่ห์                                 ก้องกล่อมเห่  ให้รถ  สุดสดใส

ทั้งสุเทพ  และชรินทร์  เสียงกินใจ                                    นึกว่าใคร  ใช่คุณแหมด  แผดกังวาน

เขาไพโรจน์  รัตนประทีป  สิบเพลงกว่า                          ไม่แปร่งปร่า  ปลอมแปลก  แหวกมาตรฐาน

ทุ่งรวงทอง  ผากคลองแห้ง  แล้งสายธาร                        เชื่อมสะพาน  ควานหารัก  จากเมืองกรุง

แยกพุแค  แลงดงาม  เป็นสามแพร่ง                      เหมือนต้นแหล่ง  ทางที่เห็น  เป็นก้นถุง

เดี๋ยวนี้ใกล้  เหลือเกิน  เจริญจรุง                           ตั้งต้นมุ่ง  เหนืออีสาน  ผ่านลัดตรง

แต่ก่อนแล  พุแคคง  เป็นดงสัก                              อนุรักษ์  มิได้ตาม  ความประสงค์

เดิมพุแค  แผ่พนา  ทึบป่าดง                                   พุแคปลง  เป็นดงช้ำ  ฝังจำใจ

ธรรมชาติ  จัดพุแค  แลฉ่ำชุ่ม                                 รุกขชาติคลุม  ปรกพนา  ผาไศล

ภูเขาเลี่ยน  เตียนโล้น  ถูกปล้นไป                         โดนทำลาย  ในพริบตา  เวทนาจริง

            ครั้งที่สอง  ต้องชะลอ  ขอจอดบัส                        สุดอั้นอัด  ท้องไส้  สวายสวิง

เป้าตรงหน้า  บรรดาชาย  กระต่ายยิง                    คุณผู้หญิง  ซ่าซู่  ดูตัวเบา

เดินทางไกล  เมื่อวัยเฒ่า  เขย่าหน่อย                    จึงจอดบ่อย  ปล่อยกาย  ให้หายเฉา

ขยับศอก  ขยอกขา  ให้ซาเซา                                รถเขย่า  ท้องขย้อน  นอนหลับตา

เสียงนารี  ศรีจักรดาว  สกาวก้อง                          รวมกลุ่มร้อง  เพลงคู่  ดูหรรษา

สามัคคี  มีพลัง  ก่อตั้งมา                                         มิ่งขวัญตา  จักรดาวสอง  ของรุ่นเรา

            แลละลิ่ว  ทิวสลอน  สิงขรขุน                   จิตกระตุ้น  หนุนหนั่น  สันเคยเคล้า

พนมป่า  พนาเวศน์  แขตแนวเนา                          เพื่อนพวกเรา  เคยฝึกรบ  ครบศาสตรา

ป่าที่อยู่  ศัตรูร้าย  ทำลายชาติ                                 เราสามารถ  ขับสู้  หมู่มิจฉา

นอนกลางดิน  กินกลางดง  พงพนา                      ไต่โขดผา  ฝ่าดงทึบ  หมอบคืบคลาน

ปิดทองปลั่ง  หลังองค์พระ  สละชีวาตม์             ปกป้องชาติ  เอกราชไทย  ใจอาจหาญ

ลืมหวาดกลัว  ลืมตัวตาย  คับวายปราณ               อดีตกาล  เก่าก่อนมา  น่าภูมิใจ

ริมข้างทาง  ระหว่างผ่าน  ย่านเพาะปลูก              ของกระดูก  สันหลัง  ล้วนพืชไร่

ธรรมชาติ  จัดแผ่นดิน  ทรัพย์สินไทย                   ละลิบไกล  แลไร่พืช  นานาพันธุ์

ผลิตผล  บนไหล่ทาง  แบวางขาย                          ริ้วเรียงราย  ให้ลูกค้า  มาเลือกสรร

ผิวนวลขาว  สาวแก้มแดง  ขายแข่งกัน                เห็นโรงงาน  ผุดขึ้น  ดาษดื่นไป

งาบอนนท์  คนบรรยาย  ไม่พลั้งเผลอ                   ผ่านอำเภอเฉลิมพระเกียรติเฉียดเขื่อนใหญ่

คือป่าสัก  ชลสิทธิ์  ติดถัดไป                                  อยู่ไม่ไกล  ทางผ่าน  ละหานชล

องค์พ่อหลวง  ของปวงไทย ให้ทรงโปรด                       สรรค์ประโยชน์  ปราโมทเปรม  เกษมกุศล

เหล่าพสก  ยกระดับ  สรรพมงคล                         ไร่พืชผล  ของคนไทย  รับใบบุญ

            มะนาวหวาน  หวานใจ  อยู่ไหนเล่า          พี่เพ้อเจ้า  จนสายัณห์  พลันสิ้นสูญ

คิดครั้งเคย  เชยบังอร  อ่อนละมุน                         ซบทรวงอุ่น  หนุนเขนย  เกยนงคราญ

อันหวานอ้อย  หวานตาล  หรือหวานถ้อย                       ก็หวานน้อย  กว่าสองเรา  มะนาวหวาน

ยังไม่เท่า  หวานน้อง  พี่ต้องการ                            หาเปรียบปราน  หวานใด  ไม่เท่าเธอ

            ถึงโคกสลุง  สะดุ้งอก  เห็นโคกสลุง        ตูมเต่งตุง  สลุงแสลง  แฝงใจเผลอ

สะดุดสดมภ์  ลมกระสัน  ซ่านละเมอ                   เปิดใจเพ้อ  เจอโคกสลุง  ผดุงชีวัน

พอสุระ  นารายณ์  ก็คลายเหงา                              รถของเรา  แล่นสู่  ประตูสวรรค์

พัฒนานิคม  สมสนิท  ใกล้ชิดกัน                          ผ่านคูคัน  นาไร่  หายตรมตรอม

เจอแยกใหญ่  ใช้แบ่ง  เป็นแหล่งแยก                   เห็นสี่แฉก  แยกทางหลวง  บ้านม่วงค่อม

เพลงในรถ  บ่งบอก  ดอกพะยอม                         ส่งกลิ่นหอม  กล่อมใจ  ให้เชยชม

รถมุ่งหน้า  ชัยบาดาล  ผ่านม่วงค่อม                     โดยไม่ยอม  ถนอมใจ  ให้เสพย์สม

รถแล่นลื่น  ชื่นกาย  ผ่านสายลม                            ให้เชยชม  ภูโขด  สมโภชน์นาม

มีเรื่องเล่า  กล่าวไว้  ในประวัติ                              มีสมบัติ  ท่วมท้น  อย่างล้นหลาม

ถ้วยเงินทอง  เพชรโถ  ช้อนโอชาม                       คนเข็ดขาม  เอาไปครอง  ต้องเป็นไป

คืนเดือนเพ็ญ  เด่นอะคร้าว  เกรียวกราวเสียง      ประโคมเสนาะ ไพเราะเพรียง  เสียงสั่นไหว

รัวสมโพด  ของภูตผี  ดนตรีไทย                           มีงูใหญ่  เฝ้าอยู่โยง  ในโพรงพรม

            แนวทิวเขา  ขวางหน้า  แลขวาซ้าย                       ถึงลำนารายณ์  พักอีกที  ก็ดีถม

ที่จำได้  ไม่เคยผ่าน  มานานนม                              ย่านนิคม  แขกขาว  ชาวปาทาน

ลำนารายณ์  ชัยบาดาล  เมื่อนานแล้ว                    ไม่คลาดแคล้ว  เคลื่อนคลาย  หลายปีผ่าน

เรียนนายร้อย  รบรับรุก  ล้มคลุกคลาน                 ฝึกชำนาญ  บั่นริปู  ผู้ทำลาย

เส้นทางแย่  แค่ลูกรัง  ยังมาถึง                               หวนคำนึง  ถึงคราใด  ก็ใจหาย

คุณนงเยาว์  เขาเป็นครู  อยู่ลำนารายณ์                  ห่างออกไป  หลายกิโล  บ้านหนองรี

อยู่นอนเหย้า  เฝ้าดอนเมือง  ทำเรื่องบ้าน             ปล่อยให้ฉัน  ฟันฝ่า  มาถึงนี่

ถึงศรีเทพ  เลี้ยวเลี่ยง  เที่ยงพอดี                            ส.ห. มี  ไฟกระพริบ  รีบขับนำ

            แหล่งเรียนรู้  อุทยาน  ประวัติศาสตร์        กรมศิลป์จัด  อนุรักษ์ไว้  หลายฉนำ

เมืองศรีเทพ  เก็บโบราณ  หลักฐานธรรม             เตือนทรงจำ  ความจำเริญ  เมื่อเนิ่นนาน

เมืองถมอรัตน์  อภัยสาลี  มีมาก่อน                       เมื่อคิดย้อน  อยุธยา  มาผสาน

ถูกปกคลุม  สุมทุมป่า  วนาวัลย์                             ผู้พบพาน  คือท่านกรม  พระยาดำรง

ราวสองพัน  แปดร้อย  แปดสิบเก้าไร่                   เขตกว้างใหญ่  พบปราสาท  ราชหงส์

ศิลปะ  วัฒนธรรม  ค้ำมั่นคง                                   ทับหลังทรง  พุทธบรรพต  ยังงดงาม

ดินคูคัน  กั้นอ้อม  ล้อมวงรอบ                               ภายในกรอบ  ผังเมือง  เรืองอร่าม

รอยประวัติ  วัดเจดีย์  สีมาราม                               สถูปงาม  หลงเหลือไว้  ในร่องรอย

ชมเขาคลัง  ปรางค์ฤๅษี  ไม่มีเบื่อ                          ผู้บรรยาย  ใจเอื้อเฟื้อ  ไม่เบื่อถอย

ท่านชี้ดู  รู้เห็นแจ้ง  แหล่งร่องรอย                                    เดินขาห้อย  ย้อยหลังขด  นั่งรถราง

เก็บถ่ายภาพ  รับโอโซน  โดนธรรมชาติ              บันทึกประวัติ  เมืองธรรมะ  มาสะสาง

อยู่บนรถ  สี่ล้อ  ไม่ง้อราง                                       ทุกคนต่าง  บรรลุเหตุ  เจตจำนง

            ออกจากบุรี  ศรีเทพ  เหน็บความกิ่ว         แกล้งไม่หิว  ดิ่ววิเชียร  ไม่เวียนหลง

ส.ห. นำ  ตามด้วยบัส  ลัดตัดตรง                           ครึ่งชั่วโมง  ขับเฆี่ยน  วิเชียรบุรี

เสียงเพลงเบา  เขาเลิกร้อง  ท้องคงป่วน              ลมเริ่มกวน  กระอ่วนไอ  ไหล่วิถี

เลาะโขดเขิน  เนินไศล  ไต่คีรี                                ถึงพอดี  ตลาดวิเชียร  หายเอียนอาง

ถึงวิเชียร  บุรี  มีควันคลุ้ง                                        มีคนมุง  ยุ่งใดหนอ  อ๋อไก่ย่าง

อีสานเหนือ  ตกใต้  ตามไหล่ทาง                          เห็นเตาวาง  ย่างกิ๊กไก่  ให้ลิ้มลอง

หยิบเนื้อไก่  นุ่มนิ่ม  ขอชิมหน่อย                          น้ำจิ้มอร่อย  หรือเปล่า  ใครเจ้าของ

หากมีแล้ว  แจวให้ไกล  ไม่เหลียวมอง                ไก่เนื้อทอง  ของใหม่  ไปย่างเอง

ราวบ่ายโมง  ลงจากบัส  สลัดหิว                          ก้าวเร็วริ่ว  นั่งลง  ให้ตรงเผง

สั่ง  “พร้อมแล้ว  ทานได้”  ไวบรรเลง                   ไม่กริ่งเกรง  สิ่งใด  สั่งไก่มา

ลาบข้าวเหนียว  เคี้ยวหนับ  จับใส่ท้อง                กลืนคอคล่อง  มองดีดี  มีสามขา

ไม่ต้องรู้  ว่าผู้เมีย  เสียเวลา                                     ส้มตำมา  อย่าช้าเฉย  เลยอิ่มเอม

ขึ้นรถต่อ  มิรอช้า  พาไปพบ                                   หลวงพ่อทบ  นมัสการ  สราญเกษม

ก่อนจะถึง  ฟันหนึ่งงีบ  รีบปรีเปรม                      เพราะไก่เต็ม  ก้นยุ้ง  จนพุงกาง

บึงสามพัน  วันห่างน้อง  ต้องปวดร้าว                 ไม่มีเจ้า  เคล้าคลึง  จึงหมองหมาง

ซับสมอ  ทอดใจ  ไห้ครวญคราง                           บนเส้นทาง  ปรางอาวรณ์  ก่อนอำลา

เห็นทางแยก  แหวกแบ่ง  แข่งชีวิต                                    ชี้ทางทิศ  พิษณุโลกซ้าย  ชัยภูมิขวา

เส้นทางทอง  ทั้งสองทาง  หว่างมรรคา               พนมพนา  ป่าภู  ปูเส้นทาง

            ถึงหนองไผ่  ไร้กอ  ตอยังหาย                   ศิวิไลซ์  ลุกลาม  งามสองข้าง

มีบ้านเรือน  เรียงราย  รอบสายทาง                       สินค้าวาง  หลากหลาย  มองลายตา

ธุรกิจ  ติดอันดับ  ขยับรุ่ง                                         ดังเมืองกรุง  รุ่งเรือง  เมืองการค้า

ล้วนพืชผัก  ฟักแฟง  ถั่วแตงกวา                          ส่งไปค้า  ยังธานี  สี่มุมเมือง

            วัดช้างเผือก  เยือกเย็น  เป็นนิมิต               พระครูวิชิต  พัชราจารย์  ญาณกระเดื่อง

พระนิพพาน  ญาณศาสดา  ปัญญาประเทือง       นำรุ่งเรือง  สู่ชาวพุทธ  หลุดอาบาย

วังชมพู  อยู่ไม่ไกล  ค่ายทหาร                               มะขามหวาน  รสชาติดี  มีวางขาย

เห็นแม่ค้า  หน้าละอ่อน  อ้อนเอียงอาย                 น่าเสียดาย  เธอขายหมด  จึงอดชิม

ครั้งอดีต  คิดไป  ฤทัยหวล                                     นึกหน้านวล  อวนลออ  รอรอยยิ้ม

มะขามเปรี้ยว  เคี้ยวอร่อย  ฝากรอยพิมพ์             รสแทงทิ่ม  แปลบใจ  ทั่วในทรวง

เคยฝากรัก  ต้นสักใหญ่  สามใบเถา                      อยากคลอเคล้า  พะเน้าพะนอ  เขาก็หวง

จึงหวนลับ  กลับกรุง  ลาทุ่งรวง                            ยังคิดห่วง  อาวรณ์  วันจรไกล

            ถึงนาเฉลียง  เลี่ยงหาย  มองไร้ป่า             ครั้งเคยมา  ล่าสัตว์  เขาจัดให้

เดิมมีป่า  พนาเวศ  เขตพรานไพร                          บ้านบ่อไทย  มีกระทิง  ให้ยิงกัน

แต่วันนี้  มีไร่นา  หญ้าเลี้ยงสัตว์                             ไม่ประหลาด  ดังจิต  เคยคิดฝัน

ป่าอุดม  เคยสมบูรณ์  ต้องสูญพันธุ์                       มิอาจกั้น  ทุจริต  อิทธิพล

มันขุดราก  ถอนตอ  ไม่หลอเหลือ                                    ไม่น่าเชื่อ  เหนือความคิด  ทุกทิศหน

โลภตัณหา  คณานับ  สัปดน                                   ตัดเลื่อยยนต์  ขนไปขาย  กฎหมายเมิน

            มีสองวัด  จัดให้ชม  บ่มบุญศีล                  นามระบิล  ศีลศรัทธา  น่าสรรเสริญ

เงียบสงบ  เคารพธรรม  นำพะเดิน                                    สติเจริญ  เมินบาป  รับผลบุญ

อุดมชัย  ใต้ร่มผ้า  กาสาวพัสด์                               บวชที่วัด  เพชรวราราม  งามบุญหนุน

สดับธรรม  เสวนา  พาเกื้อกูล                                นพคุณ  โบสถ์อาราม  งามวิไล

วัดไตรภูมิ  ลุ่มป่าสัก  สลักจิต                                พระศักดิ์สิทธิ์  สถิตคง  สรงน้ำใส

พระพุทธมหา  ธรรมราชา  ศรัทธาใจ                    ทั่วถิ่นไทย  ไปนมัสการ  มั่นใจครอง

            สิบสามนิ้ว  งามองค์  เครื่องทรงเทริด      แสนบรรเจิด  เฉิดฉวี  ไม่มีสอง

สูงสิบแปด  แสดเหลือง  เรืองละออง                   โลหะหนัก  รักปิดทอง  ผ่องตระการ

พระโปรดเกตุ  เพชรบูรณ์  ศูนย์รวมจิตร              อิทธิฤทธิ์  ดังเรื่องเล่า  ที่กล่าวขาน

พระคู่เมือง  เรืองฤทธา  มานมนาน                       ปาฏิหาริย์  ให้เห็น  เป็นประจำ

นามพระพุทธ  มหา  ธรรมราชา                             ความเป็นมา  ของพระองค์  ทรงลึกล้ำ

ขึ้นจากแคว  ป่าสัก  จึงชักนำ                                 เห็นสรงน้ำ  ที่ท่า  คือพระองค์

คนทอดแห  แควป่าสัก  เห็นสรงน้ำ                      ว่ายผุดดำ  เป็นพระพุทธ  สุดระหง

จึงอัญเชิญ  อาราธนา  พาพระองค์                                    ประทับทรง  วัดไตรภูมิ  อุ้มกลับมา

แรมสิบห้าค่ำ  เดือนสิบ  วันสารทไทย                  พระพุทธหาย  จากอาราม  ต้องตามหา

จุดแรกพบ  ที่พระองค์  สรงคงคา                         พวกพ่อค้า  ประชาชน  เกิดดลใจ

ถึงวันสารท  จัดงาน  ประเพณี                               ทำพิธี  ให้ท่านแล้ว  แผ้วผ่องใส

นำพระองค์  สรงวารี  ทุกปีไป                               เป็นผู้ใด  ก็ไม่พ้อง  ต้องเจ้าเมือง

ประเพณีอุ้ม  พระดำน้ำ  ถึงสามครั้ง                     ปีไหนยั้ง  ลืมละเมิด  ต้องเกิดเรื่อง

เจอข้าวยาก  หมากแพง  แล้งทั้งเมือง                   ทำต่อเนื่อง  อย่างนี้  ทุกปีไป

ท่าวัดโบสถ์  ชนะมาร  สายธารลึก                                    กัลปพฤกษ์  แวววาว  พราวไสว

ประดับประดา  ทิวธง  ส่งแสงไฟ                         งามวิไล  อุ้มพระดำน้ำ  ประจำปี

            พออิ่มบุญ  สูญบาป  กลับที่พัก                  เอื้อเฟื้อจาก  พล.ม.1  จึงสุขี

โฆษิตฮิลล์  ระบิลเรื่อง  เมืองบุรี                            เป็นราศี  มณีเกษ  เพชรบูรณ์

หกโมงครึ่ง  ถึงเวลา  กระยาหาร                           เริงสำราญ  ราตรี  ดีกรีกระตุ้น

พล.ม.1  น้องน้อง  ต้องขอบคุณ                             เขาเจือจุน  หนุนพี่  มีน้ำใจ

อุดมชัย  ชนิต  มิตรร่วมรบ                                      มาพร้อมพบ  พักพา  อัชฌาสัย

ผู้ริเริ่ม  แรกสำคัญ  หาญเพไท                                รื่นเริงใจ  ให้บรรเลง  เพลงดนตรี

เกตุวีระ  อนนท์แย้  แกขยับ                                                เอื้อมมือจับ  รับไมค์  ให้สันสี

ดิ้นกระเดือก  เลือกบรรเลง  เพลงเพราะดี                       เหล่านารี  จักรดาว  เจี๊ยวจ๊าวเชียร์

            นึกสงสาร  ท่านมานพ  มาพบเหตุ             ถูกมือเด็ด  ย่องเบา  เอาไปเสีย

อุตส่าห์  ถนอมเก็บ  ต้องเจ็บเพลีย                                    ซื้อให้เมีย  เจอขโมย  โอดโอยอาน

อุดมชัย  บริหาร  จัดการให้                                     รีบรุดไป  ดูแล  พร้อมแม่บ้าน

หากจับได้  ไล่ทัน  ฟันกะบาล                               พวกจัณฑาล  ขี้ข้า  อยากด่าทอ

            มองแก้วไวน์  รายเรียง  เลี่ยงรินแจก         เปิดขวดแบล็ค  โซดาน้ำ  นำมาหนอ

ชื่นฉ่ำแท้  แก้กระหาย  ระคายคอ                          น้ำลายสอ  พอได้ชิม  ก็อิ่มเอม

เจ็ดโมงครึ่ง  จึงมาใหม่  รวมในชอป                     เดินหลายรอบ  ซ่อมบุก  สุขเกษม

จานไม่เล็ก  ตักเบรกฟาสท์  อัดจนเต็ม                 ปิดปรีเปรม  เต็มคราบ  กับกาแฟ

เมื่อเช็คเอาท์  เข้าไปนั่ง  ยังถิ่นที่                            แล่นเร็วรี่  ที่หมายพลัน  ตะวันแจ๋

ขึ้นประลำ  ทำพิธี  มิเชือนแช                                 เงยชะแง้  แลดูศาล  ตระการตา

หาญเพไท  อ่านรายงาน  แห่งการให้                    อุดมชัย  เป็นประธาน  พร้อมท่านผู้ว่าฯ

ร่ายพิธี  บวงสรวงพราหมณ์  ธรรมสัจจา             อยู่ต่อหน้า  บูชาต่อ  เจ้าพ่อธรรมนูญ

ในท่ามกลาง  กลุ่มชน  คนนับถือ                          ความเลื่องลือ  เรื่องศักดิ์สิทธิ์  ไม่เสื่อมสูญ

หลากผลไม้  เป็ดไก่หมู  ดูเต็มพูน                         บนไวยกูณฐ์  ชุมนุม  กลุ่มเทวา

พรามหณ์อัญเชิญ  ทวยเทพ  มาสถิต                     ขอจตุรพิธ  พรชัย  ให้รักษา

ทั้งผู้อยู่  ผู้จาก  ในมรรคา                                        แรงศรัทธา  ขอข้าขอ  สดุดี

ในนามรุ่น  เทิดทูนให้  ในนามเพื่อน                     เพื่อย้ำเตือน  เพื่อนรุ่นสอง  อย่าหมองศรี

เมื่อเพื่อนรัก  จำจากไกล  ทำใจดี                          ทุกคนมี  ความเป็นไป  ในโลกา

            “วีรกรรม  ล้ำเลิศ  เทิดเกียรติศรี                 สดุดี  วีรชาญ  ทหารกล้า

รอยรำลึก  ศึกรบ  นบบูชา                                       แต่วิญญาณ์  กล้าทะนง  องอาจชัย

            ธรรมนูญ  กองช่าง  สร้างประวัติ               ใต้เบื้องฉัตร  เหนือปฐพี  คีรีไศล

ยุทธภูมิ  เขาค้อ  หล่อหลอมกาย                            มอบดวงใจ  ถวายพลี  ภูวดล

            ป้องปวงราษฎร์  หยาดโลหิต  สถิตไว้      เอกราชไทย  ได้สำแดง  ทุกแห่งหน

เหลือแผ่นดิน  สิ้นปัจจา  ทั่วสากล                                    ยอดวีรชน  รณฤทธิ์  พิชิตศัตรู

            อริราช  ริปูราญ  ก่อการร้าย                                    มันอยู่ไหน  จะไปผลาญ  หาญต่อสู้

ศักดิ์สิทธิ์ศาล  พยานองอาจ  พิฆาตศัตรู              ไทยเชิดชู  วีรกรรม  จ้าวธรรมนูญ”

            พิธีพราหมณ์  กระทำครบ  บรรจบสิ้น      เข้ารับศีล  พิธีสงฆ์  ส่งเกื้อหนุน

เย็นร่มไทร  ให้เขาค้อ  จ้าวพ่อธรรมนูญ               นำผลบุญ  สู่สวรรค์  วิมานเมฆ

ถวายพระ  ฉันเพล  เบนรถกลับ                             ขนมจีนจับ  ร้านคุณตา  พาสุขแสน

มื้อเที่ยงนี้  มีอุดหนุน  ทุนทดแทน                         อัดท้องแน่น  เงินอนนท์  ปนกับชาญ

การตัดดี  มีสีดอก  รวมออกเก้า                             เห็นงานเข้า  จ้าวยอมกลัว  ให้ตัวหาร

ใครได้น้อย  ได้มาก  หรืออยากทาน                      เป็นอาหาร  จากน้ำใจ  ไม่ว่ากัน

            มาคราวนี้  มิได้ไป  ในหล่มสัก                  เหมือนหล่มรัก  ปักในหล่ม  ร่มสวรรค์

จะรักหล่ม  ข่มใจ  ไม่พรากกัน                              แต่แล้วพลัน  สวรรค์ล่ม  ล้มรักปอง

หักอารมณ์  กลัวขมขื่น  สุดฝืนหัก                                    ใกล้หลุมสัก  รักล้ม  ข่มใจหมอง

เคยหลงหล่ม  สักรัก  ฝากใจปอง                          จึงหม่นหมอง  ประคองศักดิ์  รักหล่มลวง

ขนมจีน  เคยจีบจับ  ขยับเอ่ย                                   ทำไมเฉย  เมยเล่า  หรือเจ้าหวง

เพราะความหิว  กวนชิวหา  พาร้าวทรวง                        ชะตาดวง  ไม่สรวงสม  หล่มสักลา

            การเดินทาง  ในครั้งนี้  มีกุศล                     ผบ.พล.  ปราการ  ท่านหนักหนา

เอาใจใส่  ในรุ่นพี่  มีเมตตา                                     จึงนำพา  ความชื่นใจ  ให้แก่กัน

พี่อำลา  ผบ.พล  คนใจเด็ด                                      หนุ่มใจเพชร  แห่งเพชรบูรณ์  หนุนเสกสรร

ส่งของฝาก  จากน้ำใจ  ให้ไปทาน                                    ก่อนจะผ่าน  กำนันจุล  ตุนฝากเมีย

            ตลอดทาง  ต่างสนุก  ทุกข์เหือดหด          นั่งในรถ  ซดหนุบหนับ  หลับอ่อนเปลี้ย

สาดลีโอ  โม่ลงท้อง  กระป๋องเบียร์                      ถุงดำเคลียร์  เคลียร์ให้สิ้น  ดับกลิ่นไอ

สนามกอล์ฟ  กองทัพบก  ตกค่ำพลบ                   เข้าไปรบ  กับจอห์นนี่  เขามีให้

นั่งยิ้มกริ่ม  อิ่มหนำ  สำราญใจ                               แยกกันไป  คนละทิศ  ไม่ผิดทาง

            จบนิราศ  เพชรบูรณ์  เตรียมรุ่นสอง          หากร้อยกรอง  มิต้องตา  อย่าหมองหมาง

อ่านพอเพลิน  เจริญตา  อย่าทิ้งวาง                                   การเดินทาง  ควรบันทึก  ไว้นึกจำ

 

                                                                        ขอบคุณ

                                                                                    พล.ต.

                                                                                                    (วิเชียร  ชูปรีชา)

                                                                                                       ๒ พ.ย. ๕๒