นิราศนิรนาม

                                                                        รอยลิขิต ชีวิตหนึ่ง คิดถึงอยู่

แม้เพียงเสี้ยว แห่งทรงจำ ติดตามดู                       อาจได้รู้ ผู้ศรัทธา ภาษากลอน

นำเรื่องราว คราวไปรบ สยบศึก                              คะนึงนึก มาจำเนียน เขียนอักษร

เป็นคนแก่ คิดเรื่องเก่า เศร้าอาวรณ์                        เก็บเป็นกลอน ผ่อนสมอง ลองปัญญา

 ๏   สี่สิบปี ที่ผ่าน เนิ่นนานท้น                               เรื่องเริ่มต้น เหตุนี้ ปีหนึ่งห้า

จะร้อยเรียง เรื่องรบรัน ราวกันยา                            โชคนำพา มาประสบ พบเหตุการณ์

โอ้ชีวิต หากคิดไป หลายหลากรส                           ทรงจำจด ไว้ในจิต ชีวิตทหาร

จปร. จบออกมา ไม่ช้านาน                                    เป็นเสือพราน ผจญภัย อยู่ในลาว

จะสาธยาย คงไม่ถ้วน กระบวนถ้อย                       ทีละน้อย ค่อยทบทวน หวนมาเล่า

ถึงถูกผิด ไม่ติดต่อ พอทำเนา                                อย่าถือเอา เป็นโทษ โกรธเคืองกัน

งานพิเศษ ศปก. ทบ.สั่ง                                       เข้าไปนั่ง สวนรื่น ตื่นจากฝัน

กิจหลายหลาก มากสุม มารุนรัน                            รู้มากครัน แต่ไม่ครบ กบในกะลา

แค่ร้อยโท ทหารเด็ก ยังเล็กนัก                               ก็มิพัก แน่วแน่ แก้ปัญหา

งานอาชีพ สื่อสาร ดั้นด้นมา                                 จบปีห้า จปร.ก็อ่อนเยาว์

หาสิ่งรู้ สู้อุตส่าห์ ค้นคว้าไว้                                    เวลาใช้ จะได้โชว์ ไม่โง่เขลา

ในช่วงนั้น มีแต่นาย ใกล้ตัวเรา                               หิ้วกระเป๋า เปิดประตู รู้ใจนาย

เช่น พันเอก ชวลิต ยงใจยุทธ                                 สุภาพบุรุษ ของรุ่นน้อง ต้องใจหมาย

เพราะเป็นคน ช่วยตัวเอง ไม่เกรงนาย                      ต้องหนีกราย นายอย่าห่วง มีดวงจร

๏    อยู่หกเดือน ศปก. ขอลาจาก                            จะทุกข์ยาก สักปานใด ไม่ถ่ายถอน

เสธ.ทวี จันทราทิพย์ สั่งรีบจร                                 เมืองอุดร ธานี ที่หมายตรง

ใกล้วันบิน ลาถิ่นฐาน จากบ้านช่อง                        ถึงวันต้อง ประสบการณ์ สานประสงค์

ลูกผู้ชาย ชาติทหาร ต้องมั่นคง                              จิตดำรง คงมั่น วันจากลา

ชีวิตคู่ คุณครูต๋อย อย่าน้อยจิต                              ใช้ชีวิต ให้สุขสันต์ และหรรษา

ฝากดูแล แม่พ่อ ขอสัญญา                                  จะกลับมา จากการรบ เพื่อพบกัน

ขออัญเชิญพระราชนิพนธ์องค์ผ่านเผ้า                   ไว้เหนือเกล้า เข้าทำศึก ไม่นึกหวั่น

พระศักดิ์สิทธิ์ อาราธนา สารพัน                            นำความดี มีคุ้มกัน อย่างมั่นใจ

   “ขอฝันใฝ่ ในฝัน อันเหลือเชื่อ                             ขอสู้ศึก ทุกเมื่อ ไม่หวั่นไหว

ขอทนทุกข์ รุกโรม โหมกายใจ                                ขอฝ่าฟัน ผองภัย ด้วยใจทะนง

จะแน่วแน่ แก้ไข ในสิ่งผิด                                    จะรักชาติ จนชีวิต เป็นผุยผง

จะยอมตาย หมายให้ เกียรติธำรง                          จะปิดทอง หลังองค์ พระปฎิมา”

๏   เรือนเคยอยู่ อู่เคยนอน จำจรจาก                       สิ่งลำบาก มากมาย อยู่ภายหน้า

คงลิ้มรส ลูกผู้ชาย ในชีวา                                    จะกลัวกล้า ก็ต้องไป เป็นไรมี

ใบลาออก เซนต์บอกไว้ ไปสนาม                            ขนานนาม เป็นหัวหน้า ถนัดศรี

พร้อมถนัดกิจ สนิทคล้อง น้องหนึ่งปี                      จรลี มิถวิล บินพร้อมกัน

จากดอนเมือง ลงอุดร ก่อนใกล้พรบ                       ถึงฐานรบ นอกแดนดิน เป็นถิ่นมั่น

สามสามสาม นามบก. พอรู้กัน                              ณ.ที่นั้น คือตึกขาว เข้าราวี

มีเทพใหญ่ รองทน โสภณช่วย                               เฝ้าอำนวย การรับรุก ทุกวิถี

ทั้งงานข่าว เข้าโหม บุกโจมตี                                สามฐานมี พื้นที่ลาว ส่งเข้าไป

ชื่อนายแสน แดนล่องแจ้ง รบแรงโหม                     ฐานเชียงรม มีพูนหล้า หัวหน้าใหญ่

ศร ปากเซ รบโชกโชน โพนสีไค                              สามทัพไทย มีเสือพราน หาญณรงค์

เสริมส่วนนำ ประจำการ ทหารหลัก                         อาสาสมัคร บรรจุกำลัง สร้างประสงค์

ประกอบอาวุธ ยุทธภัณฑ์ ปั้นเป็นโคลง                   วางใยโยง ลงแนวรบ จนครบครัน

หมู่ตอนหมวด รวมกำลัง ตั้งกองร้อย                       ฝึกไม่น้อย ทยอยเวียน ผลัดเปลี่ยนผัน

มอบหน้าที่ ภารกิจ ชิดประจัญ                              เป็นกองพัน เสือพราน รบชาญชาย

๏    จะเล่าย่อ เป็นข้อความ ไว้ตามเหตุ                   ด้วยประเทศ แยกปกครอง เป็นสองค่าย

คอมมิวนิสต์ คิดโรมรุก บุกทะลาย                         ยื่นความตาย ตื่นตระหนก โลกเสรี

เริ่มเวียตนาม ตามเขมร แล้วเบนเข้า                       ประเทศลาว ยิ่งเจอหนัก ยากจะหนี

ขาดปรองดอง สองฝ่ายลาว เข้าราวี                       แยกโจมตี เป็นค่าย เพราะไม่ปลง

คอมมิวนิสต์ ลุอำนาจ จัดทัพใหญ่                         โดมิโน่ ถึงเมืองไทย จึงไหลหลง

มุ่งล้มเจ้า สุวรรณภูมา มุ่งหน้าตรง                          ด้วยฝีมือ สู่ภานุวงศ์ ส่งเข้าไทย

ไทยตั้งมั่น ประจัญแนว อย่างเหนียวแน่น    เมื่อรู้แผน แสนแยบยล ทนไม่ไหว

เปิดฉากรับ ในเชิงรุก บุกออกไป                             สู้สุดใจ ไปฟันฟาด ดัสกร

อเมริกา มหามิตร มอบทุนสู้                                  รบเวียตนาม ที่โลกรู้ อนุสรณ์

ถึงวันนี้ มีรู้สึก นึกอาวรณ์                                      ความม้วยมรณ์ อ่อนฤดี วีรชน

ชนชาติไทย ลายกว่าเสือ เมื่อเข้าป่า                        ค้นปัจจา หาจนพบ ประสบผล

โดดเข้าใส่ ไม่เคยคิด ชีวิตตน                                            ยามประจญ รบประจัญ ไม่หวั่นเกรง

ขอให้ไทย คงเป็นไท มิใช่ทาส                                เอกราช มิยอมให้ ใครข่มเหง

นักรบไทย ได้ฝากชื่อ ลือเลบง                                รบกาจเก่ง ทุกเมื่อ พวกเสือพราน

 ๏    อยู่อุดร ก่อนข้ามฟาก ไม่ยากเข็ญ                    เขาสั่งเป็น ชุดต้อนรับ คอยขับขาน

คนจะไป ใครจะมา ข้าทำงาน                               จะต้องผ่าน กราวรวด ถูกตรวจตรา

คอยประสาน การปฎิบัติ จัดโยกย้าย                      ด้านกฎหมาย ควบคุม ผู้ต้องหา

ส่งขึ้นแนว แล้วใครกลับ ก็รับมา                             เป็นหูตา แทนผู้ใหญ่ ใน บก.

เหมือนกำลัง คอยสำรอง ต้องออกรบ                     จะได้พบ เมื่อใด ไม่เคยขอ

ส่งที่ไหน ไม่เคยว่า ตั้งตารอ                                   ชีวิตหนอ มิขอเลี่ยง ยอมเสี่ยงภัย

การเรียนรู้ สู่สนาม ในยามศึก                                มิคงนึก ว่าที่นี่ คือที่ไหน

ไม่ต้องเลือก ว่าศัตรู มันผู้ใด                                             ถึงวันไป ตามคำสั่ง ไม่รั้งรอ

๏   คำสั่งลง ดงคันทุง ไม่ยุ่งจิต                                         ชะตาชีวิต เริ่มใหม่ ใช่แล้วหนอ

บินปากเซ โพนสีไค ไม่รั้งรอ                                   เจอแล้วหนอ สมรภูมิ หนุ่มไม่กลัว

สองเครื่องยนต์ บนอากาศ ผงาดเผิน                     มองเพลิดเพลิน ผ่านม่านเมฆ ขมุกขมัว

เปิดปัญญา ยกสมาธิ มิให้กลัว                              รายงานตัว บก.ผาสุก สนุกใจ

อยู่พำนัก พักฟื้น เผื่อคืนชีพ                                  ไม่เร่งรีบ ไม่นึกหวั่น ไม่สั่นไหว

คอยคำสั่ง จากผาสุก ไม่ทุกข์ใจ                             สั่งอย่างไร ทำอย่างนั้น มิพรั่นพรึง

ได้ทราบว่า หัวหน้าประดับ แกกลับหน่วย                งานคอมโม่ ขาดคนช่วย ตำแหน่งหนึ่ง

งานที่เจาะ เหมาะสม อย่างกลมกลึง                      นายศรจึง ให้ถนัดศรี หน้าที่แทน

 ๏   ทำหน้าที่ ทางการ สื่อสารรบ                           แม้นจะพบ สิ่งยาก ลำบากแสน

อธิราช ศัตรู อย่าดูแคลน                                      รบต่างแดน ต้องกล้าหาญ สื่อสารไทย

ความรู้ขั้น ชั้นนายพัน สื่อสารแท้                           จิตแน่วแน่ ในสิ่งรู้ พอสู้ไหว

เรียนรู้ลึก สำนึกอยู่ รู้แก่ใจ                                    นำมาใช้ ในสนาม ตามยุทธวิธี

ศึกประชิด ติดพัน ทุกวันรบ                                   บรรจุจบ ลงแหล่ง ตำแหน่งพี่

ห้องสื่อสาร ซอมซ่อ แต่พอดี                                 ขอเพียงมี ประสิทธิภาพ พอรับมือ

ต้องติดต่อ บก.อุดร ตอนสื่อสาร                            หน่วยทหาร ที่แนวหน้า พาเชื่อถือ

ซีดับบริว พริ้วเสนาะ เคาะด้วยมือ                          นี่ก็คือ กระบอกเสียง สำเนียงดัง

เสียงเจี๊ยวจ๊าว เข้ารหัส ฟัดกันขรม                         ทั้งเชียงลม ล่องแจ้ง แข็งขมัง

ทั้งโฟนเอาท์ โฟนอิน ได้ยินฟัง                               กลับทีหลัง แต่ไปก่อน รู้ผ่อนปรน

นปส.รอคิว เป็นทิวตั้ง                                          ที่คราวครั้ง บกพร่อง เกิดล่องหน

เปลี่ยนทันที มีใหม่ ไม่กังวล                                  ระดมพล ทำไว้ ไม่ขาดตอน

รบบนความ ขาดแคลน แสนยากเข็ญ                     ใครไม่เป็น ไปมุดรู เป็นครูสอน

ขึ้นแนวหน้า อย่างว่าเล่น เป็นอาทร                        สื่อขาดตอน นั่นก็หมาย ตายทั้งกรม

เมื่อเครื่องเสีย ช่วยซ่อม ย่อมประหยัด                     หากถูกตัด การสื่อสาร ก็ตายสม

ความโชคดี ที่ได้ช่าง สร้างระดม                            เรียกอบรม ปฏิบัติ พัฒนาการ

๏  จะบอกกล่าว เล่าความ ที่จำได้                          อันฝังใน ดวงกมล คนสื่อสาร

หวังให้เหมาะ แก่สุนทร เชิงกลอนกานท์                  พื่อผู้อ่าน ผ่านกราย ความตายจริง

จะแต่งตก ยกเป็นกลอน อักษรศรี                          เปลี่ยนเรื่องโน้น มาเรื่องนี้ ไม่แน่วนิ่ง

อย่าอาวรณ์ กลอนพาไป หยุดไหวติง                      เล่าเรื่องจริง เป็นเรื่องเรื่อง อย่าเคืองคาย

จะขอกล่าว เล่าสภาพ ทัพส่วนหลัง                       บก.คลัง สร้างอาคาร อยู่ในค่าย

ของทัพสี่ ทชล.พอสบาย                                      ตั้งเรียงราย ช่วยรบ ส่งกำลัง

บก.ผาสุก รับงานศึก จากตึกขาว                           ทำการข่าว การยุทธ ไม่หยุดยั้ง

กำลังพล หมุนเวียน เปลี่ยนกำลัง                          เป็นส่วนหลัง ของการรบ ส่งบำรุง

ตำบลจ่าย ยุทโธ สัมภาระ                                    ส่งปะทะ บรรดากองพัน ตั้งมั่นมุ่ง

อเมริกัน สนับสนุน ทุนพยุง                                    ถล่มถลุง ทางอากาศ สาดนาปาล์ม

มีสารวัตร จัดวินัย ให้เรียบร้อย                               หมั่นเฝ้าคอย ตรวจหา สิ่งต้องห้าม

ตรวจตลอด เรื่องปลอดภัย ในเวรยาม                     แพทย์สนาม เสนารักษ์ มีเยียวยา

จากตลาด เมืองอุบล ขนสะบั้น                              คนกองพัน อาหารส่ง ตรงแนวหน้า

พยาบาล ทหารป่วย ช่วยเยียวยา                            หมอรักษา ส่งกลับ และรับรอง

๏    นึกสนุก ในทุกข์ยาก ลำบากยิ่ง                        ตายกันจริง ก็ต้องสู้ ไม่รู้หมอง

เสือพรานเข้ม เต็มหัวใจ วินัยครอง                         ความหม่นหมอง ทิ้งไว้ ในสายธาร

หว่างเทือกทิว ละลิ่วราย คล้ายสวรรค์                    ความสุขสันต์ สิ้นสลาย ในห้วยละหาร

มีแต่ศึก และศัตรู ผู้รุกราน                                    ฝากนงคราญ น้องเคยคู่ อยู่เซโดน

เมืองปากเซ เคยเฮฮา มาสยบ                                เป็นเซาซบ กระเสือกสน ต้นไม้โกร๋น

ริมฝั่งโขง ถูกเซาะกร่อน ไม่อ่อนโอน                        มองโซโดน ภูโลมโล โอ้บาเจียง

สัมผัสหนาว เคล้ากาย ใจหนาวเหน็บ                     ยังไม่เจ็บ ขาดยุพิน สุดสิ้นเสียง

หลุมคูเหรด คือเขตหวัง แทนวังเวียง                      ยินแต่เสียง สั่นสะท้าน นั่นความตาย

เซราบำ น้ำตกน้อย มีนวลน้อง                               เคยประคอง คล้องแขน แสนใจหาย

หากการรบ สงบแล้ว คลาดแคล้วตาย                    จะมอบกาย ไว้สยบ ซบนวลนาง

โอ้ลาวไทย ให้สุรา และอาหาร                                ภัตตาคาร ซอมซ่อ รอเคียงข้าง

ทั้งเสิพปรุง จรุงเร้า เจ้าเอวบาง                              นิ่มนวลนาง อยากแนบน้อง นวลอนงค์

เจ้าลาวแกว แถวนี้ มีให้สม                                   รับอารมณ์ คมสวาท นาถระหงส์

ส่งแก้วน้ำ ทำให้ดื่ม ลืมไม่ลง                                แทบจะหลง เจ้าเสียแล้ว โอ้แก้วตา

๏   เมื่อผ่อนพัก จากแนวรบ พบแนวรัก                   จำปาสัก สี่พันดอน เคยจรหา

งามมะเลือง โอ้เมืองโขง เทพลงยา                        เพลินแพรวตา ครามาเยือน เหมือนวิมาน

น้ำตกครึ้ม ซึมเซาะ เลาะหลากหลั่น                       หม่นหมอกควัน สั่นหนาว เหนือกล่าวขาน

ย้อยหยาดเพชร เกล็ดกระจาย สยายตระการ           พรหมประทาน ม่านจำปาสัก ขอรักคืน

จี๊บสัญจร ร่อนเป็นราง ทางถนน                            เมื่อถูกฝน หล่นจากฟ้า ขรุขระลื่น

ไร้บรรจถรณ์ นอนระวัง เคียงข้างปืน                       ทุกวันคืน ฝืนข่ม สิ่งตรมใจ

ถนนลาว ยาวพืด ยืดตามโขง                                จากภาคเหนือ ขนส่ง ลงทิศใต้

ตัดห้วยเขิน เนินพนา ชลาลัย                                กำหนดไว้ ให้เป็นบุญ อย่างสุนทรี

แนวพฤกษ์ไพร ไศลชอุ่ม คลุ้มม่านเมฆ                   ไผสรรค์เสก ส่งให้ลาว พราวสาดสี

แต่สงคราม ตามบีฑา ต้องราวี                              สักกี่ปี จึงได้พบ สงบงัน

๏   ต้องตีศึก นึกเสียดาย ไม่วายคิด                        วัฒนธรรม งามจริต มิใดกั้น

ความมั่นคง ดำรงอยู่ คู่ชีวัน                                  ยังผูกพัน มั่นสนิท ชีวิตลาว

ตลาดนัด งานวัดบุญ ศูนย์สนอง                           เฉลิมฉลอง คล้องประเพณี มีหนุ่มสาว

วันนักษัตร ขัตตฤกษ์ ร่วมเกริกกราว                        มีพ่อเฒ่า แม่แก่ ยักแย่ยัน

มีไฮโล โอ๋เอ ตั้วเจ้ฝัด                                           สูงต่ำวัด ด้วยเงินกีบ หนีบเป็นปั้น

อยากแทงปลา หันมาปู ดูน่าฟัน                            เปลี่ยนใจพลัน ครั้นแทงกุ้ง กลับยุ่งใจ

มีของป่า ทำหน้าเป็น เห็นมันเลื้อย                         ขังกรงเมื่อย มันหันมอง จ้องตาใส

ชะโงกหัว นั่นตัวแลน แสนทุกข์ใจ                          มีเท่าไร ขายสิ้น กินกันเปรม

ผูกข้อไม้ ใส่ข้อมือ แล้วถือจอก                              เสร็จแล้วกรอก สองสามอึก ฮึกเกษม

หัวปักปำ ซ้ำด้วยเหล้า ขาวชะเอม                          เซิ้งรับขวัญ กันจนเต็ม เปรมปรีดา

ถุงสวยซิ่น วันกินบุญ อุ่นข้าวกับ                            ประแป้งรับ เปล่งปรากฏ สดหรรษา

ส่อแววเศร้า เคล้าแวววาม อร่ามตา                        คอยวันมา ของสามี ที่อยู่แนว

ตอนเยี่ยมยาม ตามชานเรือน ดูเหมือนญาติ            น้ำสะอาด จากดวงใจ ที่ใสแจ๋ว

อัชฌาสัย เห็นไมตรี ที่ส่อแวว                                งามพร่างแพรว พร้อมต้อนรับ ประทับจำ

ไม่เสื่อมสูญ เรื่องคุณไสย์ ในชนบท                        ยังปรากฏ ให้ได้เห็น เป็นเรื่องขำ

เมื่อยามสุข ออกมาเซิ้ง บันเทิงรำ                           ฟ้อนระบำ ประเพณี มีนานนม

พวกผู้ชาย ไปสนาม ด้วยยามศึก                            ใต้สำนึก ชนชาติลาว เคล้าผสม

อันหน้าดิน ของข้าน้อย ข้อยนิยม                           ขอปูพรม ด้วยชีวิต มอบจิตพลี

ถึงโมงนอน ตอนบ่าย สบายชื่น                              ไม่ยอมตื่น ม่อยพับ หลับตาปี๋

ฝรั่งเศส สอนสั่ง ครั้งหลายปี                                 สมัยมี อำนาจเหลือ เหนือชาติลาว

๏  ได้ปะพบ ประสบชน คนหลายหน้า                    ชั้นศักดินา ทั้งต่ำกลาง ขุนนางบ่าว

พวกชาวบ้าน ทหารกล้า พ่อค้าลาว                        ตั้งแต่เจ้า จนถึงไพร่ได้ คลุกคลี

มีคนไทย หลบภัยโทษ โดดไปซุ่ม                           ไปตั้งกลุ่ม คุ้มอาศัย หลีกภัยหนี

อยู่กรุงเทพ เจ็บแน่ แพ้คดี                                     เจอทุกที ทักทาย ไทยด้วยกัน

ทหารไทย ได้สำแดง ว่าแทงโก้                               ดูอ่าโอ่ โชว์เกียรติ ไม่เดียดฉันท์

เพราะไทยลาว เข้าคล้อง พี่น้องกัน                        ร่วมฝ่าฟัน จับมือไว้ ไล่ศัตรู

๏ ได้กล่าวขวัญกลั่นความจริงสิ่งแวดล้อม               แทงโก้พร้อม รับศึก ใจฮึดสู้

ถึงคราวเมื่อ เสือพราน เข้าพันตู                             โลกย่อมรู้ หมู่จ่า “ไม่ว่ากัน”

เป็นนักรบ นิรนาม ใช่ต่ำศักดิ์                                 มีศึกหนัก อยู่ที่ไหน ไปที่นั่น

หยดเลือดหยาดเพื่อชาติไทย ใจผูกพัน                   เราเสือพราน ไม่ว่ากัน นั่นคือเรา

แต่งกลอนไป ไม่คล้องจอง สมองทึบ                      มาติดหนึบ หนุบหนับ จับเรื่องเล่า

หวังให้ครบ กระบวนความ ตามเรื่องราว                 แต่งเรื่องเศร้า ที่เราเห็น ให้เป็นดี

โอ้ความตาย มันใกล้ตน ถนนหลัก                         รบกันหนัก เป็นแนวหน้า ฝ่าวิถี

แนวเรียงราย สายสิบสาม ตามยุทธวิธี                    ต่างเข้าตี ต่างตั้งรับ จับเชลย

ปืนใหญ่หนุน กระสุนปลิว ลิ่วละล่อง                     ทุกลำกล้อง สั่งกราด มิอาจเฉย

หลายชีวิต ปลิดปลง ด้วยลงเอย                            ข้าไม่เคย ก็ต้องเคย เฉยเมยมัน

เส้นทางงาม ตามถนน ที่ปนเลือด                          รบดุเดือด เชือดกันจริง ยิงสนั่น

ปืนน้อยใหญ่ ไม่เคยยั้ง ทั้งวี่วัน                              เหมือนน้ำสาด เปียกราดกัน นั่นความตาย

นี่มนุษย์ สุดแสนโหด โกรธกันหรือ                         ใยยึดถือ อุดมการณ์ อันเลวร้าย

แย่งประโยชน์ โครตตน ให้คนตาย                         ดับสลาย ไร้คุณธรรม ลืมกรรมเวร

 ๏   ธรรมชาติ จัดสร้าง ดังสวรรค์                          เทือกลดหลั่น ภูโลมโล โบโลเว่น

มอบบริบูรณ์ พูนสุข ทุกวันเป็น                              กลับมาเห็น เป็นปรากฏ หยดน้ำตา

ธารสลับ  เหลื่อมไศล  ใต้ม่านหมอก                      เนินตะวันออก บอกร่มรื่น ชื่นหรรษา

น้ำตกสวย ลำห้วยลึก พฤกษ์พนา                          ครั้นได้มา  ดูว่าแปลก ต้องแบกปืน

ก.ม.แปด เลยขึ้นไป ไม่สงบ                                   กระสุนรบ ร่อนโรมรัน สุดทานฝืน

เวียตนามเหนือ หักโหม ถล่มปืน                            สนั่นครื้น ปืนต่อปืน  ทุกคืนวัน

ไร่กาแฟ แลพืชผัก ดอกรักเล่ห์                               สวยเสน่ห์ มาเนิ่นนาน ปานเสกสรร

ดินเคยชุ่ม ชอุ่มวนา ป่าเบญจพรรณ                       แดนสวรรค์ เนินเกษตร เขตเคยครอง

แต่บัดนี้ มีพวกแกว มากลั่นแกล้ง                          ร่วมลาวแดง แผลงพิลึก  ศึกสยอง

โลดเล็งเห็น เขมรไทย ไว้ครอบครอง                       ที่หมายจ้อง โดมิโน อินโดจีน

๏      กำลังลาว ปทล.  ทสพ.ช่วย                          พร้อมมีหน่วย สกายไลน์ ทุ่งไหหิน

เปิดแนวรบ หลากหลาย ใช้เครื่องบิน                      ภาคพื้นดิน ยิงถล่ม  โหมกำลัง

เมืองปากซอง มองจำเริญเนินโบโลเว่น                   รอยลึกเร้น  เห็นพื้นราบ ตะขาบรถถัง

ยุทธศาสตร์ ของประเทศ เขตพนัง                         พบพิณพัง ย่อยยับ ไปกับมือ

แนวติดต่อ เวียตนาม ตอนยามศึก                         ลาวอย่านึก จะไปครอง ยึดจองถือ

ยามโรมรัน ขั้นรุนแรง แขวงอัตตะปือ                      สายสิบสาม ถนนคือ สมรภูมิ

๏   จากปากเซ สู่ราบสูง จรุงศิลป์                           แผ่นพื้นดิน ดั่งสุสาน ศพกองสุม

ต่างแย่งยึด ยื้อยัน เปลี่ยนกันคุม                            เห็นรอยหลุม ลึกล่อง ของความตาย

กิโลแปด แสงแดดคลุ้ม ชื่นชุ่มฉ่ำ                          ชาวบ้านนำ ผลทุเรียน เวียนออกขาย

ชาวประชา อาศัยอยู่ ดูสบาย                                 แยกลงใต้ ไปจำปาสัก สีทันดร

ก.ม.สิบหก ไม้ปลกคลุม บังคุ้มฐาน                        บก.พัน ของเสือพราน มาเก่าก่อน

บ้านหมาร้าย กม.ยี่สิบเอ็ด เขตดัสกร                      ตั้งแต่ตอน ถนัดศรี เข้าบีฑา

บ้านผักกูด เลางาม เลาะตามไหล่                          ไกลออกไป ยิ่งสูงเย็น ไม่เห็นฟ้า

วัดอาจารย์เด รักเล่ห์งามหวามวิญญา                    มีปัจจา ครอบครอง ต้องต่อตี

เนินเกษตร เขตปกครอง จะต้องยึด                        ใช้แผนมืด ยึดให้ได้ ไว้ศักดิ์ศรี

ผลต่อรอง ลาวสามฝ่าย เยื่อใยมี                           ต้องเข้าตี  ยึดให้ได้ ในธันวา

ที่บ้านงิก เหมือนฉีกใจ แทบวายวาบ                       หัวหน้าดาบ ศพรอ ก.ม.ยี่สิบห้า

เป็นความหวัง ที่คั่งแค้น แน่นอุรา                          อาจารย์ข้า สมัยเรียน จปร.

๏  สดุดี พี่เฉลิม ประสงค์ทรัพย์                             คำสั่งรับ บังคับบัญชา ส่วนหน้าหนอ

ในฐานะ เป็นผู้ใหญ่ ในฉ.ก.                                  ว.น.น. ปะทะชน นายพลสุดใจ

หนึ่งกองร้อย เคลื่อนกำลัง สั่งช่วยรบ                      เข้าไปพบ ศึกปะทะ ซะจนได้

พร้อมเสือพราน ต้องพลี ชีวาไป                             แม้นมีชัย  อาลัยดาบ ตราบนิรันดร

อีกเป็นเดือน จึงพาดาบ กลับมาได้                         ด้วยปืนใหญ่ ฐานสายฟ้า ยิงสนั่น

ให้กำลัง ค้นหาศพ ได้ครบครัน                              รบเงียบงัน ก็ผันเวียน มีเปลี่ยนพล

ยุทธการ งานรบ ไม่จบง่าย                                    เพิ่มความตาย ความแค้นคับ ความสับสน

กำลังเลริม เพิ่มอาวุธ ยุทธพล                               เพื่อหวังผล มุ่งผลาญ เกมการเมือง

 ๏  โอ้อนาถ ชนชาติไทย ใจอาสา                           ซีไอเอ อเมริกา เข้าหาเรื่อง

ยุทธศาสตร์ พร้อมสรรค์ ป้องกันเมือง                     ใช่โกรธเคือง แค้นเคียด กับเวียตกง

ทุกคืนค่ำ จนย่ำรุ่ง พยุงชีพ                                   คอยเงียบกริบ พลางไฟ  ไม่ไหลหลง

ศาสตราวุธ รักสุดใจ กอดใกล้องค์                         หลายวันหลง ลืมทำ ชำระกาย

นอนในเบิร์ม เสริมขวัญ มั่นสนิท                            แนวหลังคิด  ถึงอยู่ มิรู้หาย

แต่ละมื้อ คืออยู่ดิน กินกลางทราย                         ยินเรไร หริ่งหรีด กรีดระงม

ยามคืนใด ไร้เสียงปืน ฝืนใจเหม่อ                          คิดถึงเธอ ที่เคยชื่น กลับขื่นขม

เพื่อนอีกหลาย ตายต่อหน้า พาระทม                     ชนะใจข่ม สมชายชาญเสือพรานไทย

๏   ถนัดศรี หน้าที่สื่อ คือภารกิจ                             ไม่เคยคิด ถึงชีวี จะดีไหม

ไม่อุทธรณ์ เมื่อศรสั่ง เตรียมตั้งใจ                          ขอออกไป ยังส่วนหน้า เป็นประจำ

นอกเหนืองาน สื่อสารให้ ใช่เรื่องยาก                      ถึงลำบาก สักเพียงใด ต้องใจป้ำ

เชื้อชาติไทย ใจสมัคร รักจะทำ                              ไม่มีคำ ว่าร้องขอ มาต่อรอง

ผู้บังคับ งานบัญชา ในผาสุก                                จิตรบรุก กันทุกที่ ล้วนพี่น้อง

สุขด้วยกัน ทุกข์ด้วยกัน มั่นใจปอง                         ทั้งลูกน้อง ทั้งนาย กลายกลมเกลียว

ได้ริเริ่ม วางไลน์ ข่ายสื่อสาร                                  ทำรีทรานส์ ประสานไกล ไม่โดดเดี่ยว

เครื่องใครเสีย ส่งเข้ามา จะยาเยียว                        หวังอย่างเดียว สื่อกันได้ ไม่ขาดตอน

ชาวคอมโม่ โชว์ผลงาน สื่อสารให้                          เพื่อถูกใจ ในศรัทธา หัวหน้าศร

เมื่อพลาดพลั้ง ขอรับผิด มิคิดอุทธรณ์                    เรารู้ก่อน ทุกเรื่องราว ข่าวสารมี

เครื่องรีทรานส์ ส่งรับ มักสับสน                             ตัดสินใจ ใช้คน อย่างเต็มที่

สงสารหน่วย อยู่ไกลนัก รักษ์ชีวี                             สื่อเต็มที่ ขนไปอยู่  ภูบาเจียง

ทุกครั้งมี ฮิวอี้ยก ลาวปกป้อง                                พาลูกน้อง ขึ้นไปหนาว ถึงคราวเสี่ยง

วิทยุ แบตเตอรี่ มีลำเลียง                                      ไปส่งเสียง ด้วยโฟน คนตัวจริง

ใครจะรู้ สื่อสารเรา เอาชีวิต                                   ทำภารกิจ ช่วยส่วนรวม สวมใจสิงห์

คราวโดดเดี่ยวเดียวดาย ยอมตายจริง                     ทำใจนิ่ง  แน่วแน่  แม้ใครลืม

ขอชื่นชม ผู้ใต้บัญชา วิญญาร์สู้                             ใครนึกรู้ ใครได้เห็น คงเป็นปลื้ม

ทองหลังพระ ปฏิมา อย่าเศร้าซึม                           บาเจียงครึ้ม ทุกวันคืน เราชื่นใจ

๏  การเคลื่อนที่ ทางอากาศ จัดสื่อสาร                    เห็นผลงาน ภูบาเจียง ส่งเสียงใส

จากห้วยทราย ถึงเซโดน โพนสีไค                           ติดต่อได้ เป็นอย่างดี มิวังเวง

ถนัดศรี มีพารู ไปอยู่ด้วย                                      ซีดับบริว เคาะพลิ้วช่วย ด้วยมือเก่ง

หอบเดงโก้ โผรหัส จัดทำเอง                                 ข้าศึกเก่ง ก็ต้องหลง นั่งงงงัน

นั่นมันโค๊ด ถนัดศรี ไผสิรู้                                      ความลับอยู่ เพียงผู้เดียว ที่เสกสรร

วันทายแพต หรือจะสู้ ให้รู้กัน                                ทั้งวี่วัน สารสื่อสอด ตลอดปี

สแตนด์บาย ไม่เคยยั้ง นั่งหน้าเครื่อง                      ทุกราวเรื่อง เร่งรัด ส่งถนัดศรี

ได้ลูกน้อง สนิทสนม เกลียวกลมดี                         แต่บัดนี้ อยากจะรู้ เขาอยู่ใด

๏   ครั้งปืนใหญ่ ถล่มแถว แนวทหาร                      เสือสื่อสาร มีบกพร่อง ต้องแก้ไข

พลวิทยุ ในแนวหน้า ท่าตกใจ                                บอกทำไม ตำบลตก อกจะพัง

หากข้าศึก มันรับได้ ใช้เล็งปรับ                              คงจั๊งหนับ ดับดิ้น อย่างสิ้นหวัง

นายศรห่วง หน่วงหนัก ด้วยดักฟัง                          มีคำสั่ง ถนัดศรี ไปที่แนว

เรื่องอาหาร การกระสุน ที่ตุนไว้                              เสือพรานใช้ ไม่คุ้มค่า จะหมดแล้ว

ส่งคำมูล ไปด้วย ช่วยที่แนว                                  กระโจนแผลว ขึ้นจิ๊บ แล้วรีบจร

เสียงปะทะ จังหวะยิง ยิ่งกึกก้อง                            เพื่อนเราสอง ไม่หยุดยั้ง คำสั่งศร

กระสุนเล็ก กระสุนใหญ่ ไม่อาทร                           ตะวันรอน เริ่มคล้อยมา ข้าต้องทำ

โผผ่านเขิน เนินคูเหรด เขตกระสุน                         ถนัดศรี กับคำมูล มิถลำ

มีเซซวน จวนตัว หัวคะมำ                                     เกือบใกล้ค่ำ ทำภารกิจ สัมฤทธิ์ลง

รถจิ๊บกลาง ทั้งไปกลับ ระดับเสี่ยง                          ยินแต่เสียง วี๊ดกลึ้ม แทบลืมหลง

ดวงอย่างเดียว เสียวนิดนิด กลัวปลิดปลง  ขับขาลง รถแล่นฉิว ปลิวลอยลม

ไอ้หมวกปีก ระริกรวด สวดกระเส่า                         มือเขย่า กุมหน้าอก ตระหนกข่ม

ทำหน้าซีด เศร้าเซียว เสียวจะโครม                        กระแทกหล่ม เลาะคู ขับสู้ตาย

ฉันปลอบใจ ไอ้หมวกปีก อย่าหลีกลี้                       รักชีวี ก็ดีแล้ว ไม่เสียหลาย

ใช่คนบาป ไม่ถึงที่ ยังมิตาย                                  ขับสบาย อย่าตื่นเต้น เป็นตามดวง

ทุกสัปดาห์ หาที่แกร่ว ถึงแนวรบ                            ไม่ประสบ ศาสตราวุธ สุดหายห่วง

แผ่กุศล ดลใจ ให้ทั้งปวง                                      สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ห้อยเป็นพวง คอยคุ้มกัน

๏  ว่าโชคดี มีสมรภูมิ มุมชีวิต                                แนบสนิท ลิขิตจริง ยิ่งกว่าฝัน

บอดี้แบค หามให้เห็น ไม่เว้นวัน                             ทำลายขวัญ ยามผ่านพบ ประสบการณ์

ทองหลังพระ เหลืองอร่าม นิรนามปิด                     ทุ่มชีวิต ด้วยศรัทธา อันกล้าหาญ

มีความตาย เป็นธรรมดา อย่าคะคาน                     ชาวเสือพราน เทิดทูน จนคุ้นชิน

ทำหน้าที่ อย่างสมเกียรติ มิเดียดฉัน                       คำสั่งนั้น แม้เสี่ยงภัย ไม่ถวิล

ครั้งหนึ่งศร ออกคำสั่ง นั่งฮ.บิน                             ลงที่ถิ่น แนวปะทะ จะต้องไป

เพราะการรบ ที่ติดพัน หลายวันมาก                       นำคนเจ็บ ออกลำบาก สุดวิสัย

จมกองเลือด อยู่หลายคน แทบจนใจ                      ฮ.ไม่ไป ไม่ยอมเสี่ยง เลี่ยงสงคราม

เมื่อส่วนหน้า ส่ง ว. ขอดัสท์ออฟ                           เป็นหน้าที่ ต้องรับผิดชอบ มิต้องถาม

หัวหน้าศร ไม่ขัดข้อง ต้องทำตาม                          แต่สนาม ความปลอดภัย ไม่แน่นอน

นักบินหวั่น กลิ่นควันปืน อึนระอุ                            ยากบรรลุ ภารกิจ คิดถ่ายถอน

เสือพรานเจ็บ อยู่ต่อหน้า พาร้าวรอน                      จำบินร่อน ลงรับเขา เราต้องไป

 ๏   ถนัดศรี ต้องไปพลัน อย่าหวั่นจิต                     เอาชีวิต เป็นเดิมพัน ประกันให้

นักบินลาว เขาใจอ่อน จำจรไกล                             เตรียมฮ.ไว้ สี่ลำ บินทำงาน

ฮ.ไม่กล้า บินต่ำ นำฉันเหาะ                                  ที่หมายเจาะ ลงออโต้ โอ้ใจหาญ

ทำสองครั้ง หรือไฉน ได้เกิดการ                             เลือดฉันพาล ขึ้นถึงหัว หน้ามัวมึน

บินหนีแกว แนวถนน เหนือต้นไม้                           ถึงที่หมาย ในสนาม หามเปลขึ้น

ได้กลิ่นเลือด ฟุ้งกระจาย จนหายมึน                      มันบินขึ้น แค่ยอดไม้ ไปอีกที

๏   ภารกิจ ที่สอง ต้องนั่งลุ้น                                 แหวกกระสุน ไปให้ถึง อีกหนึ่งที่

ดอร์กันเนอร์ อย่างเรา ดูเข้าที                                 ถนัดศรี เล็งหน้าต่าง แล้ววางปืน

จะยิงใคร ยังไม่รู้ ดูไม่เห็น                                     กลัวจะเป็น พวกมนุษย์ แสนสุดฝืน

ถึงวันพัก ทีดีวาย ในมะรืน                                    ฮ.บินขึ้น แหวกฟากฟ้า มาปากเซ

ในการรบ ไม่ว่ากัน ฉันไม่โทษ                                ถึงไม่โกรธ กันมา อย่าหันเห

หน้าที่ทำ นำคอมโม่ ไม่โมเม                                 ทั้งโอเค โอกิโล โถเสือพราน

ศรโล่งใจ ดังได้ทอง รองหลังพระ                           เหมือนชนะ ปะทะตี มีคนหาญ

พสร. แถมบวกให้ ในบำนาญ                                รำลึกท่าน ด้วยใจรัก และภักดี

 ๏    ยุทธการ ยังหาญหัก ของนักสู้                        ไม่รับรู้ ถึงความตาย กลายเป็นผี

เมื่อผาสุก รับบัญชา ให้ราวี                                   ใช้เคลื่อนที่ ทางอากาศ ฤาหวาดกลัว

บก.อุดร ร่อนข่าว เข้าสื่อสาร                                 ว่าแผนการ วางไว้เลิศ มันเกิดรั่ว

เสียงข้าศึก มันข่มขู่ ว่ารู้ตัว                                   เริ่มระรัว งัวเง เปลเปลี่ยนไป

 ๏   แผนชีนุก จะบุกลง ส่งที่หมาย                         บ้านห้วยทราย บุกปากซอง ต้องตีได้

กรุงเจนีวา จะหาทาง ให้วางใจ                              ก่อนหยุดยิง กันเมื่อใด ต้องได้ครอง

เทพสั่งการ ทำทันที มิต้องห่วง                              ทำแผนลวง ข้าศึกรู้ ดูสยอง

เรียกประชุมกลุ่มหัวหน้ามาปรองดอง                     เกิดกลั่นกรอง ร้องเหตุผล จนค่อนคืน

คนหัวหน้า ผู้พาไป ขอไม่เสี่ยง                               ยอมหลีกเลี่ยง ภารกิจ ด้วยจิตฝืน

แม้นต่อหน้า อริราช เกรงกราดปืน                          ขอกลับคืน สู่เขต ประเทศไทย

สถานการณ์ เกียรติศรี สร้างวีรบุรุษ                        ผู้นำผุด เป็นหัวหน้า เกิดมาใหม่

สดุดี วีรกรรม จำฝังใจ                                          เขาคือชาย ยอดบุรุษ ยุทธนินทร

๏  สามกองพัน ผันกำลัง จากแนวรบ                      ขนจนครบ ลงได้ ห้วยทรายถิ่น

ด้วยแปดลำ นำวิถี สี่เที่ยวบิน                                 ยุทธนินทร์ เป็นผู้นำ พาดำเนิน

สิบสามกิโล โถปากซอง มองไม่ห่าง                        บนเส้นทาง หว่างป่าห้วย ระหกเหิน

ถนัดศรี โชคดีด้วย ไปช่วยเดิน                               จ้อกันเพลิน กับยอดมนุษย์ ยุทธนินทร์

แค่คืนแรก เริ่มสงคราม สิบสามศพ                        สนามรบ ต้องเสริมใจ ด้วยใยหิน

ทั้งรับศพ รับคนป่วย ช่วยกันบิน                             สิขรินทร์ ถิ่นพนา ชินช้านาน

สเปคเตอร์ สปุคกี้ เรามีฤทธิ์                                  ยังต่อติด ป้องกันช่วย ด้วยสื่อสาร

ภูบาเจียง เสียงส่งผล คนรีทรานส์                          เคาะสัญญาณ จากเดงโก้ โชว์ปิดทอง

ยุทธบรรจบ พบกันได้ ไม่ละเหี่ย                             แม้นสูญเสีย เสือพราน หาญผยอง

วันที่ห้า ธันวาคม ก้มเศียรรอง                                ฝ่าละออง  ธุลี  ศรีศักดิ์ไทย

 ๏ สัมฤทธิ์รบ บรรจบแล้ว อะไรเกิด                        จะรบเลิศ หลบหลีกลี้ มีที่ไหน

โอ้กระสุน นั้นบุญบาป อยู่กับใคร                           จะไว้ใจ ได้ไหมหนา พญายม

ถูกต้นไม้ ปืนใหญ่ยิง ทิ้งสะเก็ด                             เสี้ยวเมล็ด เป็นเหตุเจาะ ที่เหมาะสม

ความสูญเสีย เมื่อสิบห้า ธันวาคม                         วันสิ้นลม ของนิโรธ รบโชติโชน

โน่นภูมั่น นั่นภูเสน เห็นพันหาญ                            เจ็บล้มลุก ดิ้นคลุกคลาน พาลเผ่นโผน

สะเก็ดมุ่ง พุ่งหา เข้ามาโดน                                  รบโชกโชน บ่นไม่ช้ำ ท่านทำใจ

โอ้เสือพราน ทหารไทย ใจมันถึง                             ไม่คำนึง หรือนึกเบื่อ ศึกเหนือใต้

แพ้ชนะ คือฆ่ากัน จนบรรลัย                                 เหมือนหัวใจ ที่ตายด้าน เสือพรานมี

โกยกำไร ให้ชีวิต เห็นผิดถูก                                   เห็นรับรุก อริรัฐ ถนัดศรี

รวมร่ายเรียง เชิงนิราศ วาดวาที                             กานท์กวี เก็บไว้ ในความจริง

 ๏  เมื่อเพรี่ยงพร้ำนำประสบ พบสยอง                     เมืองปากซอง ต้องเสียท่า พากันวิ่ง

ถดถอยกรูด รูดหลังไป ไม่ประวิง                            ถึงทอดทิ้ง ยุทโธ โธ่เกิดภัย

ถูกระดม โถมรถถัง กำลังเพียบ                              เราเสียเปรียบ ทั้งปืนเล็ก และปืนใหญ่

เกินกำลัง คำสั่งต้าน เสือพรานไทย                        จากตัวใคร เป็นตัวมัน ปั้นขบวน

รวมพลัง ถอยร่น บนเส้นหลัก                                ข้าศึกดัก  ต่างรบรัน ถึงผันผวน

เมื่อรวมกำลัง ตั้งรับ ปรับขบวน                              เกือบแจจวน ล่มสลาย ละลายพลัน

ปรับเสือใหม่ ไปหนองแสง รวมแรงสู้                      กลับหันหน้า หาศัตรู ด้วยใจมั่น

กม.ยี่สิบเอ็ด เขตสุดท้าย ใช้ฟาดฟัน                       ต้องฆ่ามัน เมื่อรุกล้ำ มากล้ำกลาย

 ๏ สิบหกเดือนเหมือนสิบหกปี ที่ฟันฝ่า                   อยู่ต่อหน้า ศัตรู ดังผู้ร้าย

หยุดถวิล สิ้นคำถาม ถึงความตาย                         รู้หลากหลาย นักรบลับ ซึมซับทรวง

รบสนุก ตายสนัด วัดที่กึ๋น                                     แม้บนพื้น นอกดินแดน ก็แมนสรวง

โอ้เซโดน โดนใจ ใช่ว่าลวง                                    ยังนึกห่วง หวงแผ่นดิน ดุจถิ่นเรา

ได้พบมิตร จิตไมตรี มีประจักษ์                              ได้เพื่อนรัก หลากหลาย ช่วยคลายเหงา

โอกาสชิด สนิทเชื้อ เพื่อแบ่งเบา                            ยามถึงคราว ทุกข์ทุกเมื่อ ช่วยเหลือกัน

เห็นใจคน พลอาสา ชีวาสละ                                เจอปะทะ ณ.ตรงไหน ไม่เคยหวั่น

ประดับร้อยเอก ในสนาม งดงามครัน                     คือของขวัญ จากศร ก่อนกลับไทย

ตั้งบัดนั้น จวบบัดนี้ มิเคยเห็น                               แต่ไม่เว้น เป็นพระคุณ บุญอาศัย

จำเหตุการณ์ นานผ่านมา ค้างคาใจ                       เมื่อนึกได้ ต้องใช้กรรม คือทำดี

๏   ในฉก.กลมเกลียว ใจเดียวมั่น                           ได้พันหาญ แทนหัวหน้า สง่าศรี

แม้นข้าศึก ค่อยยั้ง ไม่ตั้งตี                                    งานราวี ยังมีอยู่ ดูประปราย

ความซุกซน ปนความซ่า มาเป็นเหตุ                       เจอคงเดช นอนเหลือกตา น่าใจหาย

คงลำบาก รอบปากชุ่ม ฟูมน้ำลาย                         เกือบวางวาย ในที่นอน ก่อนอื่นใด

ถนัดศรี เร็วรี่โวย รีบโกยแจ้น                                  เดาได้แม่น แล้วหนอ หมออยู่ไหน

คงแพ้ยา หาเฟิรท์เอด ระเห็จไป                             โดยฉับไว ฉีดปึก รู้สึกตน

เมื่อครั้งท่าน มีตำแหน่ง ในทัพสาม                        ฉันติดตาม พี่ชัยพร พะวงผล

อยู่ด้วยกัน มิทันไร ถึงใจจน                                   หลีกไม่พ้น กรรมลิขิต เป็นนิทรา

๏  ยามรบเบา เอากีฬา ออกมาเล่น                         ตัวอย่างเช่น หมากรุกไทย เสริมใจกล้า

แบตมินตัน เตะตะกร้อ ล่อกันฮา                           ได้เวลา ผ่อนพัก ตักข้าวเย็น

โอกาสดี วิสกี้นอก จับกรอกกลั้ว                             แถวริมรั้ว ข้างค่าย ใครก็เห็น

พี่พละ พี่ขุนเดช แกดื่มเป็น                                   ตอนตกเย็น เห็นบัวบาน ทานยาดอง

สามัคคี โพนสีไค ใครอิจฉา                                  จบออกมา ต่างหลายปี ก็พี่น้อง

จปร. ด้วยกัน มั่นใจครอง                                      พี่และน้อง แสดงให้เห็น ร่วมเป็นตาย

บีโอคิว แม้แคบชิด ไม่ปิดลับ                                 ให้นอนหลับ ทุกคืนวัน ไม่ฝันร้าย

แต่ฝันจริง คือสิ่งเดียว เสียวไม่วาย                         มีความตาย ได้มาจ่อ รอที่แนว

วีร้อยห้าสิบ หรือไอ้หมู สู้ไม่ถอย                             คุมคอนวอย หัวท้าย ไปเป็นแถว  

ขนศาสตรา แบกอาหาร คลานขึ้นแนว                    เดาดวงแคล้ว คลาดแอมบุช สุดโชคดี

ในบางคราว เขาดวงร้าย ไปโดนซุ่ม                        ข้าศึกสุม รุมกินโต๊ะกันเต็มที่

นอนพังพับ ดับดิ้น พังสิ้นดี                                   แต่ยังมี หน้าที่ถวิล จิตวิญญาณ

บรรดาแฟกซ์ แบกภาระ ปะทะด้วย                        เป็นตัวช่วย ภารกิจ ชีวิตทหาร

ภาษาอังกฤษ ฟิตฟอไฟ ไร้เทียมทาน                      นำอากาศยาน โถมที่หมาย สมใจปอง

โรลลิปอป บอลล์เฮด สเปซสปาร์คพลักซ์                ต่างประจักษ์ ร่วมชีวี ดุจพี่น้อง

รู้ที่หมาย ใช้กลยุทธ สุดช่ำชอง                              ผู้กลั่นกรอง มองทะลุ เสี่ยงสู้ภัย

เสียงเพลงก้อง ร้องได้ เมื่อไกลห่าง                         เสียงสอนลูก ร่ำน้องนาง อย่างสั่นไหว

ยังเร่าร้อน สะท้อนแทน ผู้แดนไกล                         ด่ำลึกใน แนบสนิท อดีตกาล

 ๏  โอ้เซโดน  โพนสีไค ต้องไกลจาก                        ถนัดศรี ใคร่ขอฝาก ความกล้าหาญ

ให้ตรึงอยู่ ทุกเมื่อ ทหารเสือพราน                          ฝังวิญญาณ ไปจนกว่า ชีวาวาย

ขอฝากกลอน อาวรณ์ไว้ ในตอนจบ                        มอบนักรบ นิรนาม ด้วยความหมาย

เราเสือพราน ไม่ว่ากัน ตราบวันตาย                        โลกสลาย วันใดนั้น .....คือ..วัน..ลืม

                                                                         ถนัดศรี

                                                   พลตรี วิเชียร ชูปรีชา