นิราศ วัดสองแพ

                                    อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย

                                        โดย  พลตรี วิเชียร  ชูปรีชา                  

                                                                                    ความงดงาม สยามพุทธ พิสุทธิ์ใส

            ทุกวัดวา อาราม เขตคามไทย                                สาธุชน ร่วมใจ ใฝ่หาบุญ

            เพิ่มราศี ฉวีพรรณ ผ่องวรรณะ                              บำรุงพระ พุทธศาสน์ มิเสื่อมสูญ

            เพื่อบุญนำ กรรมแต่ง แสวงบุญ                             พระพุทธคุณ ปกเกศ พ้นเพศพาล

            นำถวาย ไตรจีวร ขอพรประเสริฐ                            ให้บังเกิด เลิศศักดิ์สิทธิ์ จิต สังขาร

            พร้อมเครื่องจัด ปัจจัย ไทยทาน                             สิ่งบริขาร อันประโยชน์ โภชนา

            วัฒนธรรม ตามประเพณี ศรีสวัสดิ์                       บรรจงจัด เสกสรร ออกพรรษา

            พุทธบริษัท สาธุชน ท้นศรัทธา                              ปรารถนา ปีห้าหก ยกเป็นกลอน

            @ บริบทเรื่อง เชิงนิราศ จัดบันทึก                          เก็บสำนึก รู้สึกไว้ ในอนุสรณ์

            เป็นอดีต แห่งความดี ศรีบวร                                 เมื่อถึงตอน ตักษัย ใช้กลบกรรม

            ทางนิพพาน ผ่านสวรรค์ ชั้นประเสริฐ                     จิตเลอเลิศ ผ่องแผ้ว แนวพระสัม

            มาสัมพุทธ สุดสว่าง สู่ทางธรรม                            แม้นมีกรรม ทำให้ด้อย น้อยกว่าบุญ

            ดังคำสอน สมเด็จญาณ ก่อนท่านจาก                   ช่างน้อยนัก ชีวิตนี้ ที่ดับสูญ

            ควรสร้างดี หนีบาป รับผลบุญ                               เพื่อเกื้อกูล พุทธธรรม ก่อกรรมดี

สิ่งคาดหวัง สร้างสุนทร กลอนนิราศ                      เป็นสมบัติ สาธารณะ ประเสริฐศรี

แนวนิราศ บันเทิง เชิงกวี                                      ถ้อยวาที ที่รู้สึก บันทึกจำ

@ ศุกร์ยี่สิบห้า คราค่ำคืน ต้องฝืนจริต                    ใจหนึ่งคิด ห่วงอาวรณ์ นอนหัวค่ำ

การเดินทาง อย่างนี้ มีประจำ                                จะต้องนำ ของจำเป็น ติดตัวไป

สั่งเรียกร้อง สองทุ่มกว่า ตาต้องหลับ                      เพราะต้องขับ รถไปจ่อ รอใกล้ใกล้

ในตลาด สามพราน ร้านกิตติชัย                            จุดนัดหมาย เริ่มต้น หนทางยาว

ครั้นตีสอง จองเวลา นาฬิกาปลุก                           ไม่ร้อนลุก ร่างกายดี กระปรี้กระเปร่า

ขับรับลม ชมแสงไฟ ไปเบาเบา                              สองคนเรา ตากับยาย สบายอารมณ์

ตีสามครึ่ง ถึงสามพราน สถานนัด                         รีบจอดจัด รถแอบ แนบเหมาะสม

พบกับเพื่อน ร่วมบุญ คุณอุดม                              นักนิยม แสวงบุญ อบอุ่นใจ

พยายามชะแง้ แลมอง จ้องดูรถ                            ไม่ปรากฏ ตามนัด ที่จัดไว้

เริ่มเดือดร้อน คุณผดุง ชักยุ่งใจ                             จึงโทรไป สืบเสาะ จนเหมาะความ

รถรอรับ พี่น้อง หนองนกไข่                                   ผู้ร่วมทาง สู่หนองคาย ดังไต่ถาม

จงใจเย็น เห็นคอยอยู่ อย่าวู่วาม                             ยังติดตาม ผู้โดยสาร ผ่านเส้นทาง

@ งานกฐิน คราวนี้ พี่บุญรอด                               นำไปทอด หาปัจจัย ไว้ก่อสร้าง

โบสถ์ที่หวัง ดังแปลน ที่แผนวาง                            ด้วยจิตตั้ง สร้างกุศล สถลอมร

ทอดที่วัด สองแพ โพนพิสัย                                  เลยหนองคาย ใกล้ลำโขง ดงสิงขร

เกินหกร้อย กิโลเมตร ระเห็จจร                              ไร้นิวรณ์ มิอ่อนแรง มุ่งแสงธรรม

รับแรงปลุก จากลูกชาย นายนิสิต                          บังเกิดจิต  สูงส่งจากองค์สาม

ถึงบั้นปลาย ใช้ชีวิต ลิขิตนำ                                  ก่อกิจกรรม ทำดี มิเสื่อมคลาย

จันทร์สมวงษ์ ดำรงไว้ ใจวิสุทธิ์                              จรรโลงพุทธ ธรรมศีล มิสิ้นสลาย

รวมญาติมิตร จิตศรัทธา มามากมาย                     มุ่งหนองคาย ใจถวิล ถิ่นแดนทอง

@ เกือบตีห้า ช้าเพียงหน่อย ทยอยขน                     ลำเลียงคน ขึ้นรถบัส จัดข้าวของ

ค่อนข้างหน้า หาตั่ง ที่นั่งจอง                                ได้วิวมอง สองข้างทาง ระหว่างจร

ด้วยวิญญาณ งานกวี มีแนวคิด                             จะประดิษฐ์ ลิขิตถ้อย ร้อยอักษร

บรรยายความ ตามทางผ่าน สานเป็นกลอน แต่ง่วงนอน เป็นอุปสรรค นักกวี

อาศัยชิน จินตนา หามูลเหตุ                                 จุดสังเกต ทางผ่าน สถานที่

ยังมัวมน มืดมิด สนิทดี                                        พอแสงมี จากดวงไฟ ถึงไหนเดา

บัสสองชั้น ชื่อหวานเสียง แล่นเลี่ยงเลียบ               บรรทุกเพียบ ที่นั่งสูง พุ่งสู่เป้า

เสียงเดินเครื่อง เยื้องขยับ ขับแผ่วเบา                     พาพวกเรา สู่หนองคาย เมืองชายแดน

จัดระบบ ครบอีกครั้ง ปั้มบางจาก                          คนไกลมาก ขึ้นตามทาง ที่วางแผน

บัสบริการ นิ่มนวลนุ่ม กระทุ่มแบน                      สู่ดินแดน เมืองอีสาน ในทันที

@ ภาพปรากฏ รถคันนี้ มีรอยยิ้ม                            รอเอิบอิ่ม รับศรัทธา บุญราศี

ชื่อว่าชาว นครปฐม อารมณ์ดี                                บุญบารมี ทุกทีเห็น เด่นน้ำใจ

กาญจนา ภิเษก วิเวกถิ่น                                       ต่างระดับ บางปะอิน ถิ่นหมายใหญ่

ออกพหล โยธิน ถิ่นเคยไป                                  ขับเย็นใจ ไม่คำนึง ถึงสระบุรี

คุณชูศักดิ์ แกควักไมค์ จ่ายข้าวเหนียว                    ใครห่อเดียว ยังไม่พอ ขอสามสี่

แจกน้ำขวด ดวดดื่มได้ ชื่นใจดี                              อย่างเต็มที่ ประทับใจ ให้บริการ

@ มองท้องฟ้า ยังพร่ามัว สลัวแสง                        ไฟแสดแดง เต็มถนน รถยนต์ผ่าน

ถึงปลายฝน เชื่อมต้นหนาว เคยร้าวราน                  สร้างบุญทาน เผื่อไว้ ได้ชื่นชม

ผ่านวังน้อย น้อยหวัง เพราะวังน้อย                        สร้างบุญคอย รอหล่นทับ กลับขื่นขม

เลยวังน้อย โค้งน่ากลัว บ้านบัวชม                         เคยเชยชื่น รื่นรมย์ ได้ชมบัว

            ประสาทคิด จิตจ้อง มองสองข้าง                          ไฟสะพรั่ง เจิดจ้า ฟ้าสลัว

ม่านเมฆหมอก ออกบดบัง พร่างระรัว                     ใจไม่มัว มืดมิด เหมือนเมฆบัง

ผ่านหนองแค แลหินกอง มองละลิ่ว                       ยอดสนทิว ปลิวไสว ในความหวัง

สระบุรี มิตรภาพ ซับภวังค์                                    ทิ้งความหลัง ไว้ทับลาน ผ่านแก่งคอย

โอ้แก่งคอย คอยใคร ใจรันทด                                น้ำแห้งหด หมดจากใจ ไห้เหงาหงอย

เมื่อน้ำเซาะ เกาะแก่งใจ ไม่ต้องคอย                      สิ่งเศร้าสร้อย ค่อยเหือดหาย คลายกังวล

ม๊วกเหล็กแล้ว สุริยา เจิดจ้าแจ้ง                            เริ่มร้อนแรง แสงไฟรถ หมดถนน

ถึงลำตะคลอง เขื่อนน้ำ ฉ่ำกมล                            คิดถึงคน เคยประคอง น้องนวลงาม

ทอดไศล เขาใหญ่กว้าง หนทางเปลี่ยว                   เทือกเขาเขียว ป่าพง ดงขวากหนาม

โค้งสีคิ้ว ปลายคิ้วคาง นางนงราม                         วาดวงงามอร่ามขำ ดำคมคาย

จะถึงขาม ทะเลสอ จ่อเนินสูง                               พอพยุง โลมลูบ ไม่บุบสลาย

มิตรภาพ ราบรื่นดกดื่นกาย                                   ปักธงชัย ที่หมายหลัก ต้องปักธง

@ ตะวันเลื่อน เคลื่อนบึ่ง ถึงเมืองย่า                      สตรีกล้า บูชาไหว้ ใจสูงส่ง

นักรบไทย ใจหาญ ชาญทะนง                               ก้มกราบลง น้อมกร ขอพรย่าโม

ทัวร์ต่างถิ่น กินที่ไหน ให้อิ่มหนำ                            มองหาปั้ม แวะเข้าไป ได้สุขโข

ถึงโคราช บ่ายแก่ และหิวโซ                                  เต็มจานโต เลื่องฝีมือ รสลือชา

รี่เข้าใส่ สั่งพะแนง น้ำแกงราด                              เผ็ดจ้านจัด อัดตุน บุญหนักหนา

แล้วหันแล กาแฟดำ ธรรมดา                                อิ่มโอชา พารื่นรมย์ สมคะเน

เล็งสินค้า ดาดาษดื่น พื้นเมืองขาย                        ผ้าลวดลาย หลายหลาก ชักหันเห

มองสีสัน เริ่มปั่นป่วน ตารวนเร                              เดินกรายเกร่ เหหัน หารถเรา        

             ทัวร์บุญแรง แสวงบุญ คุณธัมมะ                          ฟังเทปพระ เป็นโอสถ รถเขย่า

ที่ราบสูง จรุงสล้าง ทางเคยเนา                             พรรคพวกเรา ยังสดชื่น รื่นอารมณ์

ฟังฤษี ลิงดำ เทศน์พร่ำสอน                                 ทุกขั้นตอน ตอบคำถาม ได้สวยสม

ผู้โดยสาร เสงี่ยมสงบ พบอารมณ์                          นั่งจงกลม ข่มจิต ปิดลูกตา

มองยวดยาน คลานวิ่ง ช่วงชิงลู่                        นั่นตีคู่ โน่นซุกหลัง บ้างแซงหน้า

รถของเรา เสียงหวาน คลานตามมา                       เพื่อรักษา ยายอด เรื่องปลอดภัย

เหม่อมองป้าย ได้ระลึก นึกอดีต                             ฟ้าลิขิต ให้ผจญ แต่หนไหน

ความเปลี่ยนแปลง  แห่งที่ มีร่ำไป                          คงจำได้ ในความเหมือน ที่เลือนราง

ถึงสามแยก ตลาดแค แลเห็นป้าย                          เมืองพิมาย  ปราสาทหิน ศิลป์สล้าง

จักราช ลุ่มน้ำ บึงลำราง                                       คิดเมื่อครั้ง คุมเรือแข่ง แย่งชิงชัย

รถขับพุ่ง มุ่งหน้า หาขอนแก่น                               ถิ่นเสียงแคน แดนอีสาน เสียงสดใส

ทางโนนแดง สีดา มรรคาไกล                                เจอแยกน้อย เจอแยกใหญ่ ติดไฟแดง

อยากจะถึง ที่หมาย แต่ไกลห่าง                             การเดินทาง เลือกไม่ได้ ต้องใจแข็ง

ด้วยเวลา ตามหมายนัด เขาจัดแจง                        จะแสดง รำฟ้อน ต้อนรับเรา

@ ผ่านเมืองพล เลยบ้านไผ่ ไปเรื่อยเรื่อย                 แม้นั่งเมื่อย เฉื่อยฉาย ก็หายเหงา

เทปตลก มาแสดง จึงแบ่งเบา                               เปลี่ยนจากหาว หวนกลับหา ตาลุกโชน

ถึงขอนแก่น แดนทอง ของอีสาน                           ปั้มอาหาร อยู่ที่ไส ไปที่โน่น

เลื่อนกลางวัน มาฉันบ่าย ลำไส้โยน                       ร้องตะโกน เรียกเกาเหลา เอามาชิม

กาแฟดำ ซ้ำอีกจอก บอกว่าชื่น                              รสรวยรื่น ฝืนจนแปล้ ได้แค่อิ่ม

บ้างไม่พอ จึงขอแนม แถมไอติม                            ขึ้นรถนิ่ม เอนเบาะนั่ง ไปยังอุดร

             มิได้ผ่าน ย่านบึง จึงไม่เห็น                                  ความเยือกเย็น ชุ่มชื่น คลื่นสลอน

สัญลักษณ์ แห่งเมืองแมน แก่นนคร                       ยังอาวรณ์ อยู่มิวาย ครั้งได้มา

ภาคอีสาน นานนานที ที่ได้พบ                              ครั้งไปรบ ที่เมืองลาว เฝ้าเรียกหา

สี่สิบปี ที่ฝันถึง ตรึงติดตรา                                   ครันได้มา เยี่ยมเยือน เหมือนบ้านเดิม

ใกล้อุดร หนองขอนกว้าง ครั้งก่อนเก่า                    เคยสอนเรา ให้เป็นชาย ใจฮึกเหิม

สู่แนวรบ ประสบการณ์ หาญเหิมเกริม                    นอนในเบิร์ม กลางดิน กินกลางทราย

@ ออกบายพาส ไม่ลัดเมือง เปลืองรถติด                อ้อมเอานิด ค่อยค่อยไปไม่เสียหาย

แยกหนองบัว เลี้ยวขวา มาสบาย                           ดิ่วหนองคาย ชักบ่ายคล้อย ค่อยค่อยคลาน

ริมถนน บนสายสอง มองดื่นดาษ                          รีสอร์ท วัด แออัดอยู่ กับหมู่บ้าน

เต็มเส้นทาง ยาวรวด ด้วยยวดยาน                        รถน้ำหวาน คลานเตี้ยมต้วม อ่วมระอา

เขตวัดหลวง อบต. ชะลอบัส                                 ด้วยทางวัด จัดคนรับ รอคอยท่า

เคลื่อนต่อไป ไฟกระพริบ รีบนำพา                       รถเลี้ยวขวา มาเซ็งแซ่ รถแห่นำ

เลยบ้านโคก เข้าบ้านถ่อน จรตามแห่                      ถึงสองแพ แลเห็นคน ที่คราคล่ำ

บ้านสองแพ แลสองข้าง ด้วยนางรำ                       ให้ลงรถ แล้วเดินตาม นางรำไป

ลากเครื่องเสียง เพียงพิณ ในถิ่นแคว้น                   รำแห่แหน แคนเซิ้ง เถกิงไสว

เอวเล็กบาง สำอางช้อย ค่อยก้าวไป                        เกินบรรยาย ในความสุข ทุกนาที

ด้วยสันสี ลีลา ระบำเซิ้ง                                       ดูร่าเริง ลีลาศ สาดสดสี

ถึงเขตวัด ยาตรา เหล่านารี                                   นำถึงที่ กฐินทอด ยอดพธู

@ จากน้ำใจ ให้รางวัล ปันแบงค์ร้อย                      สาวน้อยน้อย สุขสมใจ ไม่อดสู

ทั้งตัวเล็ก ตัวโต โถน่าเอ็นดู                                   ขอเชิดชู การต้อนรับ ประทับใจ

            พัฒนาการ ช่วยงานนี้ อย่างดีเลิศ                          งามประเสริฐ แห่งอำเภอ โพนพิสัย

ขอขมเชย ไว้อย่างยิ่ง ด้วยจริงใจ                            เอาใจใส่ ประชาชน คือผลงาน

พัฒนาการ ทั้งอำเภอ และจังหวัด                          ปฏิบัติ เป็นตัวอย่าง สร้างพื้นฐาน

จารึกไว้ ในประวัติ พัฒนาการ                               เกินประมาณ ที่คาดไว้ ในความดี

อีกชาวบ้าน ส่วนรวม ร่วมใจภักดิ์                           เขาร่วมรัก สมัครสมาน มีสันสี

เข้าล้อมรุม กลุ่มศรัทธา สามัคคี                            ทำเต็มที่ มีให้เห็น เป็นความงาม   

@ หิ้วกล้วยอ้อย เครื่องอัฐ บริขาร                           เร่งทำการ แบกขน บางคนหาม

กองเป็นทิว หิ้วถ้วยโถ และโอชาม                          เรียงงดงาม ทำซุ้มเป็นกลุ่มกอง

พระสงฆ์สวด พุทธมนต์ ท่องบ่นศีล                       องค์กฐิน ส่งเสริม เฉลิมฉลอง

เช้าพรุ่งนี้ มีถวาย ผ้าไตรครอง                               นำเงินทอง ไปสร้างโบสถ์ ให้เสร็จพลัน

พรพระแล้ว เรียบร้อย ตั้งวงล้อม                            อาหารกล่อม อิ่มหมี จนพีหมัน

อาจความหิว มันกำเริบ เสริพไม่ทัน                        ทั้งหวานมัน เปรี้ยวเค็ม เต็มสตรีม

@ อิ่มอร่อย ทยอยยืน ไปขึ้นรถ                               นั่งขนด ทอดกาย ในความอิ่ม

พรุ่งนี้เช้า เราคงเห็น เชลล์ชวนชิม                          คงได้อิ่ม กันอีกครั้ง เป็นสองคราว

เข้าที่พัก โพนพิสัย ในความมืด                              นอนยาวยืด ห้องแอร์ แช่ความหนาว

โรงแรมมิ้นส์ ถิ่นเผชิญ เดินทางยาว                        สัมผัสหนาว ริมโขงฝั่ง ตั้งมโน

ครั้นรุ่งแจ้ง แสงรวี สีกระจ่าง                                 กาแฟวาง คอยท่า ปลาท่องโก๋

นอนหลายคืน เราคงยุ่ง พุงจะโล                           สุขสุโข กันจนครบ เคารพหัวใจ    

ที่นอนฟอง ห้องกว้างใหญ่ เครื่องใช้สอย                 เพียงสามร้อย ห้าสิบบาท จัดจ่ายให้

ขอบพระคุณ พวกหัวหน้า ที่พาไป                          โอกาสหน้า ฟ้าใหม่ ไปอีกที

@ ย้อนกลับมา หาวัด จัดกฐิน                               ก่อนรับศีล พาเวียนรอบ ขอบวิถี

ทักษิณา อธิษฐาน การงานดี                                 ลาภมั่งมี ศรีสุข ทุกคนไป

กล่าวถวาย ในศาลา ประเคนของ                          ตามครรลอง ประเพณี ที่จัดไว้

ทั้งองค์สาม งามจรัส พระรัตน์ไตร                         จัดถวาย เป็นอานิสงค์ องค์สัมมา

ประชุมสงฆ์ องค์กฐิน ในถิ่นฐาน                           พิธีกรานต์ ก่อนเก่า เฝ้ารักษา

ประเพณี นิยม โน้มบูชา                                       จีวรผ้า จากนภากาศ ควรจัดการ

เสนอให้ มอบผ้า ผู้อาวุโส                                     ดังมโน พุทธัง ตั้งสืบสาน

ผู้ครองไตร ใจพิสุทธิ์ แห่งพุทธกาล                        แก่สมภาร งานจรุง มุ่งสัจธรรม

รับพรพระ ชำระใจ ให้บริสุทธิ์                                เปรียบประดุจ รับสุขเลิศ ประเสริฐล้ำ

แล้วปฏิบัติ จัดถวาย ไทยธรรม                               นั่งกรวดน้ำ จิตแน่วแน่ แผ่ผลบุญ

ห้าเก้าแปด สามหนึ่งหก ยกยอดใหญ่                     ต่อยอดใหม่ ให้เลขสวย ด้วยเลขศูนย์

เพิ่มจนเป็น หกแสนพัน อันพอกพูน                        รวมกับบุญ ผ้าป่าทอด ยอดเลยยาว

ยอดสุดท้าย ใครก็อยากรู้ จ้องหูผึ่ง                         บอกไปว่า หกห้าหนึ่ง หกเจ็ดเก้า

หากโฉลก โชคอำนวย ช่วยให้เรา                           สองงวดคราว จะต้องดี มีโชคชัย

@ ได้เวลา อาหาร ทานจนแปล้                              มากมายแท้ ฉลองกฐิน กินไม่ไหว

แจกขึ้นรถ กินระหว่าง หนทางไกล                         นมัสการ องค์พระใส ก่อนกลับกรุง

แม้นใครชอบ ช๊อปสินค้า ท่าเสด็จ                          ต่างประเทศ เอามาขาย ดังหมายมุ่ง

หมูยอมี ที่วางเห็น เป็นกระบุง                               หอบให้ตุง เงินกี่ถัง ถมไม่พอ

รถหวานเสียง ลำเลียงคน พ้นจากวัด                      ปฏิบัติ บุญกิจ สัมฤทธิ์หนอ

ลาสองแพ ขึ้นรถ เจ้าโปรดรอ                                มีบุญพอ คงมาใหม่ อีกไม่นาน

@ วัดร่มรื่น ชื่นเย็น เป็นกุศล                                 พุทธมณฑล ปฏิบัติธรรม กรรมบาน

ป่าปรกคลุม ชอุ่มศีล แห่งวิญญาณ                        มองตระการ เหล่ารุกชาติ สะอาดใจ

ตลิ่งชัน เขียวธัญยา ที่ป่าปก                                 สองฝั่งรก รายล้อม ลำน้ำใหญ่

เขตเพาะพันธุ์ สัตว์น้ำ งามวิไล                              พนาไพร พืชพง คงสมบูรณ์

โอ้สองแพ แลห้วยหลวง ดังสรวงเสก                      เป็นอัครเอก โพนพิสัย มิคลายสูญ

ประเพณี น่านิยม  อันสมบูรณ์                              ขอขอบคุณ ทุกดวงใจ แห่งไมตรี

บัสติดเครื่อง เมืองหนองคาย มุ่งหมายหน้า แหล่งบูชา ยอดถิ่น พระชินศรี

องค์พระใส พระคู่บ้าน นมนานปี                           ประวัติมี บันทึกไว้ ในพุทธบวร

            “ สามพระธิดา เวียงจันทร์ แห่งลานช้าง                 ทรงให้สร้าง พุทธศิลป์ อนุสรณ์

สำเร็จองค์ ทรงถวาย พระนามกร                           สืบบวร พุทธศาสน์ นิราศภัย

ทองสำริด เนรมิตให้ เพื่อไร้ทุกข์                             นามพระสุก พระเสริม และพระใส

ศิลป์ลานช้าง ปางตระการ มารวิชัย                        นิวาสไว้ ร่วมเรียง ที่เวียงจันทร์

ปีสองพันสามร้อย ยี่สิบเอ็ด                                   องค์สมเด็จ เจ้าพระยา มหาสวรรค์

กษัตริย์ศึก ฮึกโหม ไปโรมรัน                                  ตีเวียงจันทร์ ชาวบ้านหนี หลบลี้ภัย

ได้อัญเชิญ พระสามองค์ ส่งหลีกลี้                        หลบพาหนี หาที่ลับ ประทับใหม่

อยู่นอกเมือง เวียงจันทร์พ้นอันตราย                       วัดโพนชัย ให้หลบซ่อน ตอนสงคราม

บวรมหา ศักดิพลเสพ ทรงยกทัพ                           ขึ้นไปปราบ กระบถลาว คราว ร.สาม

อนุวงศ์ ส่งกำลัง เข้ารุกลาม                                  สิ้นสงคราม นำสามพระพุทธ  รุดฝั่งไทย

จากงึมธาร ผ่านแก่งเกาะ เลาะลงโขง                    พันผูกโยง ไว้บนแคร่ แพไม้ไผ่

ทั้งสามองค์ ทรงบนแพ แลเรียงราย                        มุ่งหนองคาย ฝ่าลำโขง ตรงข้ามลาว

แท่นพระสุก ถูกพายุ ทำลายล่ม                             เพราะแรงลม พระจมลง สุดโยงสาว

เหลือพระเสริม กับพระใส ไปจากลาว                     พระปิ่นเกล้า  พระเสริมรับ ประทับวัง

ส่วนพระใสได้ประทับ หนองคายใกล้                     วัดโพธ์ชัยแท่นสถิต ศักดิ์สิทธิ์ขลัง

องค์พระเสริม อัญเชิญไป ไว้ที่วัง                           องค์เบื้องหลัง คือพระสุก สรงารา

พุทธทั้งสาม งามทรง องค์ศักดิ์สิทธิ์                       เนรมิต มหัศจรรย์ วันออกพรรษา

เปล่งเปลวแสง พุ่งเป็นสาย ในคงคา                      เทิดศักดา สองฝั่ง ทั้งลาวไทย “

             @ ณ ในโบสถ์ วัดโพธ์ชัย พระใสสถิต                    ได้อุทิศ สังฆทาน ผสานให้

พ่อสิงห์โต และแม่สิน อยู่ถิ่นใด                             ส่งบุญไป คล้ายวันครบ จบชีวัน

ตุลายี่สิบเจ็ด วันที่ แม้ปีต่าง                                  ปลดปลิดทาง แห่งชีวี ที่โศกศัลย์

ตรงสิบหก นาฬิกา เวลาเดียวกัน                            เกิดอัศจรรย์ อันใด ท่านวายชนม์

พระพักตร์ตรง องค์พระใส ถวายของ                     สิ่งเศร้าหมอง สิ้นสลาย กลายเป็นกุศล

ทดแทนคุณ บุญสวรรค์ ชั้นเบื้องบน                       ท่านสองคน โปรดรับรู้ กตัญญุตา

@ ออกจากวัด โพธิ์ชัย ไปเร่ช๊อป                             เดินเวียนรอบ ท่าเสด็จ ระเห็จหา

อาหารถิ่น กินกันโลด รสโอชา                                เดินเข้าหา ริมโขง ลงในแพ

ปลาเนื้ออ่อน ฉู่ฉี่ มีห่อหมก                                   คนเสริฟยก อย่างระวัง ปลาคังแค่

ดูสายธาร ซ่านซัด เชือกมัดแพ                              เห็นกระแส กลากเชี่ยว เสียวเสียวใจ

มองสะพาน มิตรภาพ ไกลลับลิบ                          ฟองระยิบ ในธารโขง ก็สงสัย

พระยานาค นั้นอยากเห็น เป็นยังไง                        ท่านพ่นไฟ ในออกพรรษา มิมาดู

ก่อนขึ้นรถ ขากลับ จับจ่ายสอย                              หิ้วเล็กน้อย ก็เพียงพอ ถุงยอหมู    

แค่ของฝาก ซื้อมากไป ไม่น่าดู                               ยังไม่รู้ วางตรงไหน ในรถยนต์

@ ถึงเวลา ย่างกราย ตอนบ่ายสอง                       มานั่งมอง เติมน้ำมัน กันสับสน

รถย้อนรอย ทยอยกลับ ต้องหลับทน                       บนถนน อัดแอ จอแจจริง

จากหนองคาย ชายแดน แสนละเหี่ย                      คงเริ่มเพลีย ร่างกาย ทั้งชายหญิง

ออกจากวัด ศรีคุณเมือง เจอเรื่องจริง                      นั่งกันนิ่ง โค้งคำนับ พับโงนเงน

เปิดทีวี มีคุณพระ ออกมาช่วย                               โน้ตร่วมด้วย ช่วยเดี่ยวไมค์ โชว์ให้เห็น

เปิดหูตา มาดูฟัง นั่งใจเย็น                                   กษัยเส้น เอ็นขด ทั้งหดตึง

ด้วยกองทัพ เดินด้วยท้อง มองหาปั้ม                      จอดรถหม่ำ ปตท. พอมาถึง

ข้าวราดแกง รีบสั่ง นั่งรำพึง                                  เป็นที่พึ่ง หนึ่งจาน กันหิวโซ

มองสีแสง แดงระยับ จับถนน                               ไฟรถยนต์ แอร่มจ้า ส่องมาโร่

อยากให้ถึง ราชสีมา เมืองย่าโม                             ยังไกลโข โถม่อยพับ หลับผล็อยไป

เดี๋ยวหลับตื่น ตื่นหลับ ขยับขา                               แก้วซู่ซ่า ชาพลิก กระดิกไหว

ไล่โรคเกาต์ เขย่ายก โยกมาไป                               กลัวกษัย ไตจะยึด ยืนยืดยัน

@ ราวปากช่อง หางดง ลงจากรถ                           กระดูกขด ยืดได้ ดังใจฝัน

ดูน้อยหน่า ปลาส้ม อบลมควัน                              ขายทั้งวัน ขายทั้งคืน ยืนฝืนทน

ออกปากช่อง ล่องสระบุรี ใกล้ที่ถิ่น                       พหลโยธิน หินกองหนองแคพ้น

เลยวังน้อย ต่างระดับ ขับโค้งวน                            เลี้ยวถนนเข้าเส้นทาง บางบัวทอง

แล้วแวะส่ง ผู้โดยสาร ท่านลงก่อน                         ทางสัญจร ว่างดี จวนตีสอง

ถึงสามพราน จนได้ สมใจปอง                              ขนข้าวของจากหวานเสียง ลำเลียงลง

โอ้นิราศ วัดสองแพ โพนพิสัย                                ทอดกฐิน ที่หนองคาย ใจประสงค์

ประทับจิต ฝังใจ ลืมไม่ลง                                    สักวันคง ได้หวนมา เธออย่าลืม

                                                **********