นิราศแก่งคุดคู้

                ยกนิราศ เก็บมาเข้า เล่าเป็นเรื่อง                           ให้ต่อเนื่อง เรื่องเที่ยวท่อง ต้องนึกหน่อย

คนร่วมไป เขาไต่ถาม ติดตามคอย                                      คราวขึ้นดอย เขาคอยอ่าน เชิงกานท์กลอน

จะแก้ตัว กลัวไม่พ้น ค้นมาเขียน                                          อาจไม่เนียน จึงเขียนดู ตามครูสอน

นำเรื่องเก่า ค่อนเนานาน สานสุนทร                                    ครั้งพักผ่อน ตอนร้อนผ่าว เกลาให้ฟัง

เชียงคานเลย ถึงเคยไป อยากใคร่รู้                                      จะขอดู คุดคู้แก่ง แรงมนต์ขลัง

ไปเสียก่อน ตอนยังดี มีพลัง                                                 ขอไปนั่ง ชมวิว ทิวสายธาร

เกือบห้าเดือน เหมือนเพียงวัน ที่ฝันถึง                                หวนคำนึง เป็นเนืองนิตย์ จิตฝันหวาน               

ความงดงาม ธรรมชาติ ท่านจัดการ                                      ให้เชียงคาน แก่งคุดคู้ คู่เมืองเลย

                ห้าเดือนผ่าน มีงานเยอะ เจอหลายเรื่อง                เวลาเปลือง สิ้นไป มิได้เฉย 

โชคอีกที ที่โรคเกาต์  เข้ามาเกย                                           นิราศเลย ปวดร้าว หัวเข่าบวม

มีหลานมา จากต่างเมือง ก็เรื่องใหญ่                                    จากแดนไกล อเมริกา ระอาอ่วม

เขามาพบ ญาติสนิท มิตรมารวม                                           เลยต้องร่วม ต้อนรับ กำกับดูแล

หลังสงกรานต์ มีงานบุญ รุ่นก็เลี้ยง                                      สุดจะเลี่ยง หลบเลย ทำเฉยแฉ

งานเบตง นิราศเตือน ยากเชือนแช                                       หมดข้อแม้ แถเข้าเรื่อง เมืองเชียงคาน

                แก่งคุดคู้ อยู่ในกึ๋น จุดยืนแน่                                เกิดทัวร์แชร์ แน่นัก สมัครสมาน

ตามแผนบุก ถูกวาง เป็นทางการ                                          ใช้เมืองคาน เป็นที่หมาย ไกลสุดตา

ทัวร์มีทุน หนุนจ่าย ไม่เดือดร้อน                                        มีก็ผ่อน หมดก็ฟรี ไม่มีใครว่า

ขอไปร่วม รวมใจ ในศรัทธา                                                                ตามราคา รายจ่าย ที่ใช้จริง

เพียงทุกคน สนใจ จะไปด้วย                                                               ถึงจนรวย ก็เป็นสุข ทุกข์ไปทิ้ง

นางนงเยาว์ เขาถือเงิน จ่ายเพลินจริง                                    จดระวิง ทุกรายจ่าย ไม่พอเติม

                ยี่สิบเอ็ด มีนาคม อุดมฤกษ์                                   พอฟ้าเบิก เลิกมัว ทัวร์ก็เร่ม

รถนายจ๊อบ ผู้อาสา มาที่เดิม                                                 รับเพิ่มเติม บ้านนิกูล คุณประนอม

แล้ววิ่งห้อ ต่อไป รับนายเหลือ                                            ทำหน้าเบื่อ เมื่อสงสัย ทำไมอ้อม

เพื่ออ่อนโอน โยนคลองสาม แกจำยอม                              ไม่เชิงอ้อม จะขับวน พหลโยธิน

ออกปทุม เอื้ออาทร เมื่อตอนสาย                                        แล่นสบาย ไปอย่างช้า ไม่บ้าบิ่น

เห็นเส้นทาง พอว่างหน่อย จึงค่อยบิน                                 เป็นศาสตร์ศิลป์ ของนายจ๊อบ ขอขอบใจ

ถึงคลองสาม พฤกษา ปรีชายิ้ม                                             ทำกรุ้มกริ่ม เดินไปมา น่าสงสัย

จึงบอกว่า มีวันมอร์ แกพอใจ                                                               ยิ้มละมัย ลาเมีย เสียนมนาน

                ออกพฤกษา สิบสาม ตามถนน                             ขึ้นพหล โยธิน จากถิ่นฐาน

สระลพ บุรีเลย เคยชำนาญ                                                   ยิ่งเพชรบูรณ์ ยิ่งเชี่ยวชาญ ชำนาญทาง

อยุธยา ยิ่งเคยอยู่ อู่ข้าวน้ำ                                                     ทุกเช้าค่ำ เคยวิ่ง เล่นลิงค่าง

เคยโดดน้ำ ลงลำคลอง ปีนกองฟาง                                     คิดถึงนาง นวลน้อง ท้องทุ่งนา

ถึงตอนนี้ มีเพียงภาพ พอทราบเค้า                                       จำเม็ดข้าว ก้นบาตร ยอดปรารถนา

ถูกเลี้ยงดู แบบสุโข เติบโตมา                                                              ไม่ลืมหลวงตา ท่านใจดี ตีทุกวัน        

ประตูน้ำ พระอินทร์ ถิ่นตลาด                                             บิณฑบาต หิ้วปิ่นโต โอ้แปลผัน

ความจำเริญ เข้ามารุม สุมอนันต์                                           ทำความฝัน ผันแปร เปลี่ยนแปลงไป

อยุธยา รุ่งเรือง ประเทืองทุ่ง                                                 คดโค้งคุ้ง ลำคลอง มองน้ำใส

น้ำมีปลา นามีข้าว เคล้าฤทัย                                                 ทุกดวงใจเคยสุขสม รมย์มณี

                เสียงคุยกัน ลั่นถนน รถยนต์จ๊อบ                                        ความเร็วรอบ เริ่มนิ่ง เหมือนวิ่งหนี

ป่าคอนกรีต สู่ทิศเนา เขาคีรี                                                 สิ่งหวังมี แต่ละมื้อ คือจุใจ

ผ่านวังน้อย คล้อยหนองแค แลรถคล่อง                             พ้นหินกอง มองบายพาส ทางลัดได้

ก่อนจะละ สระบุรี แล่นรี่ไป                                                                เฉียดเสาไห้ ไปทะลุ ออกพุแค

แล่นทางราบ กลับเป็นเขิน เนินสลับ                                   นายจ๊อบขับ ไปตามเลน ไม่เบนแถ

ผู้โดยสาร เบิกบานใจ ส่ายตาแล                                           เบิ่งทั้งแม้ ขวาซ้าย ป้ายบอกทาง

ตู้วิ่งไป สายตรงรี่ ยี่สิบเอ็ด                                                   ย่างเข้าเขต พัฒนานิคม ชมสองข้าง

แยกขวาซ้าย ไฟสัญญาณ ผ่านเส้นทาง                                 จำได้บ้าง ลืมไปบ้าง นั่งหลับตา

เห็นโบสถ์คริสต์ ติดโบสถ์พราหมณ์ ตามวิถี                                      ลพบุรี ศรีสวัสดิ์ รวมศาสนา

เพชรพร่างพราย โบสถ์พุทธ สะดุดตา                                 ตลอดมรรคา เห็นอาราม งามละออง

ทานตะวัน ชันช่อ รอสู้แสง                                                  ถึงยามแล้ง ยังบานอยู่ ริมคูหนอง

เหลืองอร่าม งามประเทือง เห็นเนืองนอง                           เปล่งสีทอง ทั่วท้องทุ่ง แนวสูงเนิน

                จากโคกสลุง สุรนารายณ์ ไปม่วงค่อม                 ไม่ขับอ้อม บินตรง ดังหงส์เหิร

ขุดเรื่องคุย ขบขัน กันไปเพลิน                                            แวะลงเดิน เข้าห้องน้ำ ลำนารายณ์

กาแฟดำ รสเด็ด เอสเปรสโซ่                                                                คู่มาโบโร่ ซาบซ่า พาเมื่อยหาย

ครั้งก่อนเก่า เฝ้าฝังจำ ลำนารายณ์                                         ลูกผู้ชาย ชาติทหาร ฝึกราญรอน

ลพบุรี มีอดีต รอยกรีดลึก                                                    ไม่อยากนึก จะเปิดกรุ อนุสรณ์

เทพสตรี ฝึกหัดครู คู่อาวรณ์                                                 เพราะลุ่มดอน ดักดาน จึงผ่านไป

สายยี่สิบเอ็ด ระเห็จเหาะ เริ่มเสาะท้อง                                 เสียงเขาร้อง เรียกหา น่องขาไก่

ถึงศรีเทพ เจ็บร้าว เข้าหัวใจ                                                  คลำท้องไส้ ไสวเวียน วิเชียรบุรี

กรุ่นกลิ่นไก่ ไฟคุโชน โดนจมูก                                         เข้าร้านถูก ลุกขึ้นสั่ง อย่างเต็มที่

สรรพไก่ ให้ยกมา อย่ารอรี                                                  กูลยินดี เหลือปรีชา โซดาเย็น

ฝ่ายลุงเหลือ แกรอบรู้ ผู้สันทัด                                             พวกเราฟัด ทั้งกระบะ ไม่ละเว้น

เมื่อโรคเกาต์ ใจมันกล้า ถ้าจะเป็น                                       ต้องเลือกเฟ้น เน้นอกเลา ขาวลออ

ร้านบัวตอง ของเขาสด รสเขาถึง                                         เห็นเขานึ่ง เขาย่างไก่ น้ำลายสอ

อิ่มได้ที่ ต้องเดินทาง ไม่รั้งรอ                                                              รีบไปต่อ จ่อที่หมาย ยังไกลนาน

บึงสามพัน ยันหนองไผ่ ไปนาเฉลียง                                   เริ่มสิ้นเสียง เหมือนซึมเศร้า หมดห้าวหาญ

จากหล่มสัก ไปหล่มเก่า ไม่เข้าตระการ                              จิตวิญญาณ อยู่ด่านซ้าย ตามหมายปอง

                งัดแผนที่ ดูเส้นทาง วางให้ชัด                              มุ่งปฏิบัติ วัดพระธาตุ จัดสนอง

พระธาตุศรี สองรัก ศักดิ์เรืองรอง                                        ขาวลำยอง มองตระหง่าน ตระการใจ

เป็นเจดีย์ สักขีสนอง สองมหา                                              ไชยเชษฐา จักรพรรดิ จัดสร้างไว้

สำแดงรัก ตระหนักมิตร ด้วยจิตใจ                                     รักของไทย ร่วมเรียง กับเวียงจันทร์

ศรีสัตนา คนหุต สุดปรารถนา                                              อยุธยา ราชธานี ศรีสวรรค์

สองกษัตริย์ ขัตติยา อย่าโรมรัน                                           รักชอบกัน มิให้ขาด ดั่งธาตุเจดีย์

สองมือพนม ก้มกราบกราน ฐานพระธาตุ                           ขออำนาจ ศักดิ์สิทธิ์ไซร้ ให้สุขศรี

พอสิ้นคำ สำแดง แถลงวจี                                                     ได้ข่าวดี ทันทีนั้น ฝันเป็นจริง

ศรีสองรัก ทักษิณา ครบหนึ่งรอบ                                        จิตน้อมนอบ นับอนันต์ เป็นขวัญมิ่ง

เหมือนอุ่นอวล นวลแนบ ได้แอบอิง                                  สำเร็จจริง สิ่งได้เห็น เป็นพยาน

                ประจำที่ ของทัวร์เรา เข้าที่นั่ง                              จับเส้นทาง หลังทิ้งทุกข์ สนุกสนาน

เส้นภูเรือ ไปเลย เคยมานาน                                                 เอาเชียงคาน เป็นหมาย ที่ปลายทาง

ท้องฟ้าครึ้ม ซึมสลัว ทั่วถนน                                                               เจอสายฝน หล่นให้ปัด มาขัดขวาง

อยากหยุดชม พันธุ์ไม้ดอก ออกข้างทาง                             จำละวาง ได้เพียงแล ในรถยนต์

เรือนเพาะชำ ดอกไม้ หลายหลากสี                                     งามขจี สีสว่าง ข้างถนน

ทั้งพืชไร่ ไม้ป่า น่าพึงยล                                                      ทำกมล ให้ด่ำดื่ม ลืมเมืองกรุง

ช่างเพลิดเพลิน เนินภูเรือ เมื่อได้ผ่าน                                   สุขสราญ ผ่านสวนป่า ภูผาสูง

มองภาพทิว ลิ่วไศล ใจจรุง                                                   วิหคฝูง ริ้วลอยมา หาคอนรัง

                เลยเมืองเลย เคยมานี่ ได้ตีกอล์ฟ                                          เดินออกรอบ กับน้องน้อง สองสามครั้ง

                เคยทำได้ สมัยหนุ่ม เพราะขุมพลัง                                       เป็นภวังค์ ดังนิมิต คิดไปไกล

                                แดดรอนรอน ค่อนสายันต์ ตะวันสลัว                                ไม่รู้ตัว ถึงเมืองคาน นานไฉน

                มองหาแหล่ง แก่งคุดคู้ ดูเรื่อยไป                                         มิทันใด จะได้รู้ คุดคู้งาม

                เสียงเครื่องยนต์ บ่นกระหึ่ม ลืมหรือเปล่า                           เมื่อครั้งเก่า ที่มาเลย ก็เคยถาม

                แต่ครั้งนี้ นั้นเป็นแหล่ง ตกแต่งงาม                                     รีสอร์ทนาม มีชื่อเสียง เชียงคานฮิลล์

                มองแม่โขง ตอนค่ำ ยังจำแม่น                                              กั้นเขตแดน ลาวไทย ด้วยสายกระสินธุ์

                ไม่กรากเกรี้ยว เชี่ยวชล เพียงวนริน                                    กระทบหิน ซบเซ้า เข้าฝั่งไทย

                ได้ที่นอน หลับเนตร เป็นเกรสเฮ้าส์                                    อุ่นใจเรา เป็นนักหนา จะหาไหน

                แล้วคืนนี้ มีพำนัก พักผ่อนใจ                                                               สมฤทัย ได้ตามแผน แสนยินดี

                                ออกจากห้อง มองไว้แล้ว แนวลำโขง                 คล้ายห้องโถง ริมน้ำ น่าสุขี

                โซดาเยือก น้ำก้อนเย็น เห็นวารี                                           ยามราตรี ที่ฝั่งโขง โยงสายใย

                เสียงเฮฮา ปาร์ตี้ ไม่มีแผ่ว                                                      คงจะแว่ว ถึงพระยา นาคาศัย

                เงาว๊อบแว๊บ วอมแวม แซมแสงไฟ                                       น้ำฝั่งไทย ฝั่งลาว แพรวพราวพรรณ

                แก่งคุดคู้ ลู่สายธาร ไหลผ่านแก่ง                                         กระทบแรง แทงคุ้ง กระทุ้งกระทั้น

                ลุงเหลือริน ลุงกูลชง ลุงชาฟัน                                             บนสวรรค์ ไม่สุขเท่า พวกเราเพลิน

                ยามราตรี ที่เป็นสุข สนุกสนาน                                            รสอาหาร อันซ่านซ่า น่าสรรเสริญ

                อีกราคา บริการ งานเชื้อเชิญ                                                                เราเจริญ ด้วยอาหาร เสริฟจานโต

                หมวดนิกูล อยากคุ้นโขง ลงสำรวจ                                     เตร็ดเตร่ตรวจ ยาตรา ท่าสุโข

                เหลือปรีชา รีบชงไว หายหิวโซ                                           ทั้งหมดโม้ โห่ฮา หน้าเริงรมย์

                เดือนห้อยต่ำ ดาวคล้อยตก แล้วอกเอ๋ย                               มาเมืองเลย ไม่เสียหลาย ได้สุขสม

                ฟองสายธาร ริ้วละเลื่อม กระเพื่อมลม                                 ละอองพรม กระพือแสง พาแก่งงาม

                                ค่ำคืนนั้น คงฝันพับ นอนหลับผล็อย                   ก้าวทยอย มาถึงห้อง ไม่ต้องหาม

                เช้ารีบตื่น กันทุกห้อง ไม่ต้องตาม                                       เดินดูน้ำ ในลำโขง ไหลลงเล

                ต้นปีปปก ยกช่อ รอรับแสง                                                 สาดสีแดง แทงเมฆม่าน หันหักเห

                เหมือนรู้เรา รื่นรมย์ สมคะเน                                                               เดินไม่เซ เพราะได้แสง แรงตะวัน

                เมื่อคืนจ๊อบ ชอบชง คงไม่หนัก                                           ด้วยแรงรัก รถตู้ ดูขยัน

                ฉีดชำระ น้ำล้างรถ หมดทั้งคัน                                             ขัดผ่องพรรณ อย่าให้บอก ทั้งนอกใน

                เหมือนว่าแก่ง คุดคู้ ปูด้วยหิน                                              หลากสีศิลป์ ปีนเป็นแถว ยืนแนวใหญ่

                กางกั้นน้ำ ทำเป็นฟอง ละอองใย                                         เรือลาวไทย พายพุ้ย กรุยหาปลา

                หาดทรายขาว พราวพริ้ง ตลิ่งสูง                                          ล้อมพยุง กรวดทราย ให้หรรษา

                เรียงเป็นลาด เลาะหาดขาว ยาวสุดตา                                   ชื่นวิญญา ยามเช้า เข้าภวังค์

                ภูผาใหญ่ ทั้งไทยลาว น้ำเซ้าเซาะ                                          ทะลุเจาะ สักแสนปี คงมีหวัง

                แล้วลำโขง จะแรงยิ่ง ตลิ่งพัง                                                               คิดไกลจัง ลุงนิกูล ลุ้นทำนาย

                                เปิดเมนู ดูรายการ อาหารเช้า                                เสร็จพวกเรา เช้าวันนี้ มีล้นหลาย

                รอเหล่าทัวร์ กรุ๊ปอื่น ชื่นสบาย                                            ชุดต่อไป ถึงพวกเรา ชาวราชา

                เป็นยามยิ้ม ปริ่มเปรม อิ่มเอมโอฐ                                       อะไรโปรด หยิบมาตั้ง สั่งเรียกหา

                ไทยลาวจีน ฝรั่งแขก แบกยกมา                                           แช่มโอชา มื้อเช้า เข้าเต็มพุง 

                นั่งกินกัน ดูสันสี มีวิวสวย                                                    วางแผนด้วย ช่วยกันคิด หาทิศมุ่ง

                หอบแผนที่ เส้นทาง พะรังพะรุง                                          วันนี้มุ่ง เลาะฝั่งโขง ลงหนองคาย

                ก่อนอำลาแก่งคุดคู้ ดูตลาด                                                   แลดื่นดาษ เครื่องหมักดอง และของขาย            

                ที่ระลึก ของชำร่วย สวยลวดลาย                                         ชวนให้จ่าย เงินตรา แม่ค้างาม

                พอเสร็จสรรพ นับคน ให้จนครบ                                        นั่งสงบ ครบไหม เร่งไต่ถาม                             

                ไกลคุดคู้ กั้นแก่ง แสงยังวาม                                                                ชมความงาม แก่งอีกครั้ง แล้วสั่งลา    

                                ไม่มีใคร ขับเยือกเย็น เช่นนายจ๊อบ                     เลาะเลียบขอบ ฝั่งริมโขง คงหรรษา

                ชมขุนเขา ชมโค้งคุ้ง ชมทุ่งนา                                              ชมภูผา    ธาราสวรรค์ วันรื่นรมย์

                บันทึกทิว เก็บทัศน์ มัดในจิต                                                               ฝังสนิท แนบใน ให้สุขสม

                ชื่นชมธาร ไม่นานนัก ถึงปากชม                                         เสริมอารมณ์ ชมสองหลิ่ง สวยจริงเอย               

                งามสลวย สวยล้ำ ธรรมชาติ                                                 ลมจะพัด ฝนจะพรำ ก็ทำเฉย

                มาเปลื้องทุกข์ สุขสันต์ วันมาเลย                                         พร้อมชื่นเชย ธรรมชาติ พบสัจธรรม

                คลอคลุกเคล้า ขอบโขง แสนสุโข                                       หลายกิโล บริสุทธิ์ หยุดพูดพล่าม

                เห็นไส้โขง ลอยเกาะแก่ง เพราะแล้งทำ                               เมื่อฝนพรำ ผืนป่า ก็ร่าเริง    

                ฝันตอนนั่ง ภวังค์นึก ปลาบึกใหญ่                                       อยู่วังไหน ของโขง อย่าหลงเหลิง

                ระวังน้ำ จะแห้งลด จะหมดเชิง                                            ถูกเถิดเทิง ไล่ล่า อย่าปรารมภ์

                                เป็นบางครั้ง ที่ทุกคน ขนลุกซู่                             เพราะเพ่งดู สองฝั่งโขง ประสงค์สม

                ปล่อยจิตรับ ซับซ่าน ผ่านปากชม                                        ถึงสังคม เมื่อใด ไม่รู้ตัว

                ทางคุดคู้ ถึงสังคม ประโลมหล้า                                          โชคหนักหนา ตาเห็นภาพ สัมผัสทั่ว

                โอกาสทอง ทัศนา ที่มาทัวร์                                                 ระริกรัว ร่มรื่น ชื่นฤดี

                จอดริมโขง ลงพักผ่อน ก่อนจะเที่ยง                                   ได้ยินเสียง คนอยากซด น้ำมีสี

                แบบเหลืองทอง ฟองพราว ขาวขจี                                      ชนิดขยี้ ดวงใจ ให้หายเพลีย

                กาแฟดำ ทำสดสด รสละเอียด                                              ให้ความเครียด ลดสลาย คลายละเหี่ย

                บางคนแน่ กาแฟแอ้ม แถมด้วยเบียร์                                   กว่าจะเคลียร์ เสียเวลา เป็นช้านาน

                                ด้วยที่นี่ ที่ชมวิว ทิวไสว                                       แลโขงไหล ไกลสุดตา ฟ้าเป็นม่าน

                เรือลอยลำ น้ำกระจาย ย้อนสายธาร                                     พืชไม้พันธุ์ กระเพื่อมพลิ้ว ด้วยริ้วลม

                อีกแหล่งงาม ธรรมชาติ จัดเสกสรร                                     ทิพย์สวรรค์ เพื่อทวยเทพ ได้เสพสม

                ที่ได้เห็น เป็นบุญตา มาสังคม                                               ต้องชื่นชม ธรรมชาติ จัดไว้งาม

                เป็นแดนพุทธ อุทยาน ลำธารกว้าง                                       มองเวิ้งว้าง จุดชมวิว แดนสยาม

                คนสังคม นิยมไทย น้ำใจงาม                                                               ทั้งเขตคาม งามแท้แท้ แม้อยู่ไกล

                                เลาะสายเลือด แห่งเอเชีย ไม่เสียเที่ยว                  สักประเดี๋ยว ก็ถึงที่ ศรีเชียงใหม่

                แม่น้ำโขง โค้งคลอง สู่หนองคาย                                        ลงล่องไป อย่างไม่ยั้ง หรือรั้งรอ

                มีบ้านช่อง คลองคู ดูคึกคัก                                                  ไม่นานนัก ก็เลี้ยวมา ถึงท่าบ่อ

                แต่บางคน กรนสนิท ฤทธิ์กอฮอล์                                       เพราะล้างคอ เป็นหอคอย เลยม่อยเพลีย

                เจอหลายเลน เห็นสะพาน มิตรภาพ                                     เขาโบกกลับ ข้ามไม่ได้ ตั๋วไม่เสีย

                งั้นกลับรถ แล้วกัน ฉันไปเคลียร์                                         จ็อบเข้าเกียร์ กรุ๊บกรั๊บ กลับหนองคาย

                                พุ่งเข้าหา ท่าเสด็จ เดินเตร็ดเตร่                            แกล้งตาเหล่ มองหาร้าน อาหารขาย

                วิวริมโขง โยงแพ แลเรียงราย                                                              ต้องใจหาย เห็นเมนู ดูเต็มตา

                สุดแสยง แพงลิ่ว เหมือนวิวโขง                                           ปรีชาปลง เปลี่ยนร้าน รีบควานหา

                จึงสาวราว ลงแพ แช่ธารา                                                      แล้วสั่งปลา หมกหม่ำ มาค้ำพุง

                เมื่อโทรศัพท์ จับความ ตามนัดหมาย                                   มาหนองคาย คราวนี้ มีจุดมุ่ง

                ไปจอยทัวร์ ชุดใหญ่ นายผดุง                                              ผู้หมายมุ่ง บำรุงศาสน์ จรัสธรรม

                พร้อมลุงรอด ป้าอี่ มีนายเปี๊ยก                                             แกโทรเรียก ถามไถ่ ไม่เป็นส่ำ

                มีเวลา เหลือเฉพาะ สะเดาะกรรม                                         นายจ๊อบนำ เลาะลัด วัดโพธิ์ชัย

                นมัสการ กราบก้ม ประนมหัตถ์                                          ถึงปรมัติ พุทธธรรมสงฆ์ องค์พระใส

                ขอโฉลก โชคดี ความมีชัย                                                   แล้วคลาไคล ไปตามนัด วัดสองแพ

                                วัดสองแพ แลสงัด เป็นวัดป่า                               แรงศรัทธา สามัคคี ช่างดีแท้

                มีหนุ่มสาว รำฟ้อน ค้อนตาแล                                              ขบวนแห่ รับพระพุทธ จากสามพราน

                ตู้ลุงรอด นำขบวน สองคันบัส                                             ธรรมะญาติ เต็มบรรทุก บุกอีสาน

                มาส่งพระ กะทำบุญ สุนทรทาน                                           หน้าเบิกบาน สำราญใจ เพราะได้บุญ

                ช่วยกันยก เคลื่อนย้าย ได้ประสงค์                                      วางพระลง ตรงเผง เล็งได้ศูนย์

                ยังไม่เสร็จ โบสถ์ที่สร้าง อย่างสมบูรณ์                               ต้องรวมทุน กันใหม่ ให้จริงจัง

                เป็นโบสถ์เล็ก กะทัดรัด จัดสร้างไว้                                    ด้วยพร้อมใจ ให้สำเร็จ แล้วทั้งหลัง

                ไม่หรูหรา โตใหญ่ ให้เปลืองตังค์                                        แค่พอนั่ง สังฆกรรม ธรรมบูชา

                ยังคงเหลือ อีกครึ่งหลัง ต้องสร้างต่อ                                  ป้าอี่จ่อ จองกฐิน สิ้นพรรษา

                ได้ออกแผน แสนมั่นคง ตรงเวลา                                        ที่พระยา นาคแม่โขง ส่งแสงไฟ

                พระสวดญัติ จัดพิธี อย่างดีแล้ว                                            ของเราแน่ว สู่อำเภอ โพนพิสัย

                วนหาร้าน ทานจำเพาะ ไม่เหมาะใจ                                     ไม่เป็นไร ทำใจข่ม ข้าวต้มบาทเดียว

                                แม้จะนอน ค่อนคืน ก็ตื่นได้                                จากโพนพิสัย ไปวัด น่าหวาดเสียว

                เห็นฝนมา มืดมิด ทุกทิศเชียว                                               พอรถเลี้ยว เข้าที่วัด เขาจัดแจง

                ฝนตกมา ห่าใหญ่ ไปทุกที่                                                    แต่พิธี ที่โบสถ์ นั้นโรจน์แจ้ง

                ลมรำเพย พัดพรู ไม่สู้แรง                                                     เหมือนเป็นแห่ง อิทธิฤทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์จริง

                อาหารเช้า จากชาวบ้าน ซาบซ่านรส                                     อร่อยโลด เหลือหลาย ไปทุกสิ่ง

                รับห่อพก ยกถือ มือระวิง                                                     คุณผู้หญิง สองแพ แกฝากมา

                แถมด้วยเขียง และข้าวหลาม ของชำร่วย                            จะได้ช่วย ยามท้อง อนาถา

                คณะทัวร์เรา ก็กล่าวพร่ำ คำอำลา                                         แล้วจากมา จากสองแพ แวะโรงแรม

                ซื้อไส้กรอก กุนเชียง ลำเลียงขน                                          เต็มรถยนต์ ขนขึ้น เป็นของแถม

                เตรียมของฝาก เอาไว้ก่อน จะรอนแรม                               แทนกับแกล้ม ยังได้ เป็นไรเชียว

                                สองคันบัส กลับบ้าน สามพรานก่อน                  รถตู้จร สองคันคู่ อยู่ท่องเที่ยว

                คันหนึ่งวัด คันหนึ่งเหล้า เมาอย่างเดียว                               ขับท่องเที่ยว เลาะโขงถึง เมืองบึงกาฬ

                แล้วขับบึ่ง ถึงพังโคน จนเจียนบ่าย                                     เริ่มสอดส่าย สายตา หาอาหาร

                อยู่นอกเมือง มุมสะอาด เข้าจัดการ                                      เกือบทุกจาน ใช้แกล้ม แนมวันมอร์

                โทรศัพท์ แทบเป็นไฟ ในสื่อสาร                                        เรื่องขายบ้าน และการเที่ยว เสียวจริงหนอ

                เพราะเรื่องนี้ คือหนี้กรรม คอยค้ำคอ                                  เลยจึงขอ กลับกรุง มุ่งเรื่องงาน

                พอนึกย้อน ตอนขามา ติดตราภาพ                                      จึงต้องกลับ รีบบึ่ง ให้ถึงบ้าน

                รัตนวาปี ปากคาด ลัดบึงกาฬ                                               ล่องมาผ่าน ศรีวิไล ไปพรเจริญ

                คำตากล้า มีนาใร่ ใช่จะแล้ง                                                  ดินดำแดง แหล่งไศล หลุบไหล่เขิน

                ชมพนา ป่าไร่ ไปจนเพลิน                                                   ความเจริญ ไม่หยุดยั้ง ทั้งพังโคน

                                เมืองพังโคน โดนใจ ไม่ไขว้เขว                          ตอนเรียนเสธ. วางแผน ไว้ผาดโผน

                เป็นที่ตั้ง สำรอง ของกองพล                                                                สำรวจบน แผนที่ จะผุพัง

                เคยมาตรวจ ภูมิประเทศ ย่านเขตนี้                                      สามสิบปี เห็นจะได้ ที่ให้หลัง

                สมัยนั้น มาพังโคน จนสะตังค์                                             ไม่ได้นั่ง เหมือนวันนี้ มีของกิน

                กำหนดทาง วางแผน ให้แสนใกล้                                        ลึกเข้าไป ใกล้กรุงเทพ เก็บทรัพย์สิน

                ตัดสินใจ ใช้เส้นทาง สว่างแดนดิน                                      จ็อบขับบิน เข้าหนองหาร ยันอุดร

                กะขอนแก่น แม่นมั่น ตะวันพลบ                                        หาให้จบ สิ้นเพลีย ได้เสียก่อน

                วนรอบบึง เมืองแมน แก่นนคร                                           หาที่นอน จนได้ ไม่สำคัญ

                แถมยังได้ ที่ดื่ม จนลืมทุกข์                                                  โม้สนุก ส่งท้าย ใจไม่หวั่น

                หวังตอนพรุ่ง มุ่งเดินทาง กันทั้งวัน                                     ลูกติดพัน ภารกิจ คิดต่อไป

                อาหารดี รสเด่น เป็นของแถม                                              นอนโรงแรม ตื่นเช้า เข้าวันใหม่

                มองบึงแก่น แสนลำยอง ผ่องอำไพ                                      ลาจากไกล ขอนแก่น ดินแดนทอง

                จากขอนแก่น แล่นหนองไผ่ เข้าไปหา                                อำเภอสีดา โนนแดง แห่งสายสอง

                ทางพิมาย ราชสีมา ดูน่ามอง                                                 ออกสีคิ้ว ลำตะคอง มองเพลินตา

                                เส้นทางนี้ มีอยู่นาน ผ่านบ่อยๆ                             มองเห็นดอย เขาใหญ่ ไม่ไกลหนา

                ธรรมชาติ บริสุทธิ์ สะดุดตา                                                 ชื่นวิญญา พาสุขสันต์ กันทุกคน

                สระบุรี เลี้ยวซ้าย ไปกรุงเทพ                                                               รวบรวมเก็บ กักข้อมูล บุญกุศล

                แก่งคุดคู้ อยู่ข้างหลัง ฝังใจดล                                              อยากไปยล ใจจะขาด นิราศเตือน

                จบนิราศ แก่งคุดคู้ ไม่อยู่พัก                                                 เป็นความรัก ที่ผังใจ ไหนจะเหมือน

                ได้เข้าเคียง ถึงเชียงคาน ดั้นไปเยือน                                    คุดคู้เหมือน รักคุด สุดดวงใจ

 

                                                                                                พลตรี

                                                                                                           ( วิเชียร    ชูปรีชา )

                                                                                                                  ผู้ประพันธ์